สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองกลาสโกว์ ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ว่ารายงานโดย “เดอะ โกลบอล คาร์บอน โปรเจ็กต์” ระบุว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกตลอดปีที่แล้ว ลดลงเป็นสถิติใหม่ 1,900 ล้านตัน หรือ 5.4% เมื่อเทียบกับสถิติของปี 2562 เป็นผลจากการที่แทบทุกประเทศบนโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบทั้งหมดหยุดชะงักโดยปริยาย


อย่างไรก็ตาม คณะผู้จัดทำรายงานคาดการณ์ว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกจะกลับมาเพิ่มขึ้น 4.9% ในปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 36,400 ล้านตัน ใกล้เคียงกับระดับก่อนที่โลกจะเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 เนื่องจากจีนและอินเดียกลับมาเดินหน้ากิจกรรมทางอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และทั้งสองประเทศยังคงใช้พลังงานจากถ่านหินเป็นหลัก


ทั้งนี้ หากประชาคมโลกยังคงมีความจริงจัง กับการบรรลุเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อบรรเทาผลกระทบรุนแรงจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ คณะผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ประเมินว่า ทุกประเทศต้องร่วมกันลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ “ให้เป็นศูนย์” ภายในปี 2593.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES