นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ เปิดเผยภายหลังนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามโครงการอาคารบังคับน้ำฝายบ้านแตงเม และโครงการอาคารบังคับน้ำฝายท่าหลวงบน จังหวัดจันทบุรี ว่า สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำจันทบุรีตลอดหลายปีที่ผ่าน พบว่า ประชาชนและเกษตรกร มักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง และอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ลุ่มน้ำส่วนใหญ่ที่ประกอบอาชีพทำสวนผลไม้โดยเฉพาะทุเรียน มังคุด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้รับความเสียหาย

กรมชลประทานได้ศึกษาวางโครงการฯ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการวางแผนก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในรูปแบบฝายทดน้ำแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมติดตั้งบานระบายแบบบานพับได้ เพื่อเพิ่มระดับเก็บกักให้สูงขึ้นจากระดับสันฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนในช่วงฤดูน้ำหลากสามารถพับตัวบานระบายให้ขนานกับสันฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ตามปกติ ซึ่งจะช่วยบริหารจัดการน้ำต้นทุนและเพิ่มระยะทางเก็บกักน้ำให้มีความจุน้ำเพิ่มขึ้น

สำหรับอาคารบังคับน้ำฝายบ้านแตงเม เดิมเป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็กความสูงประมาณ 3.50 เมตร ปัจจุบันไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เต็มศักยภาพของลำน้ำ ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ดังนั้นจึงต้องก่อสร้างฝายทดน้ำใหม่แทนฝายเดิมที่มีอยู่ โดยแบบการก่อสร้างเบื้องต้นเป็นฝายทดน้ำแบบคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 3.00 เมตร พร้อมติดตั้งบานระบายแบบบานพับได้ขนาดความกว้าง ประมาณ 45 เมตร ความสูงของบานระบายแบบบานพับ 4.25 เมตร เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำได้ประมาณ 2.53 ล้าน ลบ.ม. โดยมีสถานีสูบน้ำตั้งอยู่ที่บ้านวังแซ้ม สามารถสูบน้ำจากแม่น้ำจันทบุรีโดยส่งน้ำเข้าท่อส่งน้ำโดยตรง เพื่อกระจายน้ำสู่พื้นที่รับประโยชน์ด้วยระบบท่อส่งน้ำรับแรงดัน รวมความยาวท่อส่งน้ำประมาณ 9.91 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,980 ไร่ ใน 7 หมู่บ้าน ของ ตำบลวังแซ้ม

ส่วนการออกแบบเบื้องต้นของการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำฝายท่าหลวงบน เป็นการก่อสร้างฝายทดน้ำแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ทางด้านท้ายน้ำของฝายวังจะอ้าย เป็นฝายทดน้ำแบบคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 3.00 เมตร พร้อมติดตั้งบานระบายแบบพับได้ ขนาดความกว้าง ประมาณ 50 เมตร ความสูงของบาน 4.45 เมตร เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำได้ประมาณ 3.38 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีสถานีสูบน้ำบ้านท่าหลวงบนตั้งอยู่ที่บ้านท่าหลวงบน และสถานีสูบน้ำบ้านท่าหลวงล่างตั้งอยู่ที่บ้านท่าหลวงล่าง จะสูบน้ำจากแม่น้ำจันทบุรีส่งน้ำเข้าท่อส่งน้ำ โดยตรงเพื่อกระจายน้ำไปสู่พื้นที่รับประโยชน์ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาด้วยระบบท่อส่งน้ำรับแรงดัน รวมความยาวท่อส่งน้ำประมาณ 14.35 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 7,400 ไร่ ใน 8 หมู่บ้าน ของ ตำบลท่าหลวง และ ตำบลมะขาม

นอกจากนี้ กรมชลประทานได้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เหมาะสม ซึ่งหากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จทั้ง 2 โครงการ จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ กว่า 12,380 ไร่ ประชาชนมีแหล่งเก็บกักน้ำที่มั่นคงเพื่อใช้ในฤดูแล้งอย่างเพียงพอต่อความต้องการทั้งในด้านการอุปโภค-บริโภค ทำการเกษตร และเลี้ยงสัตว์ รวมถึงช่วยลดปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ จังหวัดจันทบุรีได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถยกระดับไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ แหล่งประมงพื้นบ้าน เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้สู่ท้องถิ่นอีกทางหนึ่ง เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น