สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงแอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ว่านายกรัฐมนตรีอาบีย์ อาเหม็ด อาลี ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา หลังเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น ผู้นำเอธิโอเปียขอให้ประชาชนในกรุงแอดดิสอาบาบาขึ้นทะเบียนอาวุธกับทางการและผู้นำชุมชน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการรุกคืบจากทางเหนือของ “แนวร่วมปลดปล่อยชาวทิเกรย์” (ทีพีแอลเอฟ) ซึ่งขู่ยกพลเข้าสู่เมืองหลวงของเอธิโอเปีย

Al Jazeera English

ชายชาวเอธิโอเปียลงทะเบียนสมัครเป็นทหารกองหนุน ที่กรุงแอดดิสอาบาบา


ขณะที่รายงานของกระทรวงยุติธรรมของเอธิโอเปียระบุว่า บุคคลใดฝ่าฝืนคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลานานระหว่าง 3-10 ปี และอาจเผชิญกับข้อหาให้การสนับสนุนแก่ “กลุ่มก่อการร้าย” สำหรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 3 ปี โดยย้อนกลับไปเมื่อเดือน ก.พ. 2561 เอธิโอเปียประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 6 เดือน ครอบคลุมช่วงเวลาก่อนและหลังการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอาบีย์

ชาวเอธิโอเปียบางส่วนอพยพหนีการสู้รบในภูมิภาคทิเกรย์ ด้วยการล่องเรือข้ามแม่น้ำไปยังซูดาน


ด้านทีพีแอลเอฟยังไม่มีปฏิกิริยามากนักต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในกรุงแอดดิสอาบาบา แต่การสู้รบในภูมิภาคทิเกรย์ ที่อยู่ทางเหนือ ระหว่างทีพีแอลเอฟกับกองทัพเอธิโอเปีย ยืดเยื้อตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว โดยรัฐบาลกลางกล่าวหาทีพีแอลเอฟยึดฐานทัพของกองทัพเอธิโอเปียก่อน การสู้รบส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 5,000 ราย และเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมขนานใหญ่ตามมา ซึ่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่า การกระทำของทั้งรัฐบาลเอธิโอเปียและทีพีแอลเอฟ เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม”.

เครดิตภาพ : AP