นายยุทธศาสตร์ นิธิไพจิตร ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจคลาวด์และบิ๊กดาต้า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิดและการปรับตัวกับวิถีชีวิตแบบนิวนอร์มัลในทุกภาคส่วน ทำให้คลาวด์ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อธุรกิจและชีวิตประจำวัน ทั้งการทำงาน การเรียน และการดูแลสุขภาพ โดยความต้องการตลาดคลาวด์ในประเทศไทยในช่วงปี 64 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งในส่วนของการใช้งานคลาวด์ของ เอ็นที ก็เติบโตเพิ่มขึ้น 15% จากปี 63  ซึ่งในปี 65 เชื่อว่าตลาดยังสามารถขยายตัวได้ ต่อเนื่องโดยมีปัจจัยจากเทรนด์ เรื่อง ดิจิทัล ทรานส์ฟอเมชั่น ขององค์กรต่างๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกระบวนการ ทำงานมากขึ้น

“บริการ เอ็นที คลาวด์ นับเป็นธุรกิจในอนาคต หรือ New S-Curve ของเอ็นทีที่เติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 20-30% และเป็นหนึ่งในบริการคลาวด์หลักของประเทศไทย ที่ให้บริการมายาวนานกว่า 10 ปี ซึ่งหลังจากการควบรวมหน่วยงาน เป็น บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ก็ได้รีแบรนด์จาก ไอริส คลาวด์ เป็น เอ็นที คลาวด์ ซึ่งต่อจากนี้จะเดินหน้า สร้างความร่วมมือกับ พาร์ทเนอร์ระดับโลกขยายฐานลูกค้าทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน  โดยยึดหลักการพัฒนา คุณภาพบริการที่ดียิ่งขึ้นด้วยประสิทธิภาพที่ช่วยลดต้นทุนระบบไอที ควบคู่กับมาตรฐานระบบความปลอดภัย เป็นจุดแข็งที่สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในระยะยาว”       

นายยุทธศาสตร์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้ร่วมมือกับ วีเอ็มแวร์ โดยมีเป้าหมายการพัฒนา เอ็นที คลาวด์ ให้มีอีโคซิสเต็มคลาวด์ที่ครบวงจร บนโครงข่ายศักยภาพสูงซึ่งเป็นจุดแข็งของ เอ็นที และ นำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุดเพื่อการตอบสนอง ลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างหลายระดับ ครอบคลุมทั้งโซลูชั่น ไพรเวท คลาวด์ และ ไฮบริด คลาวด์ ที่ให้บริการครบวงจร โดยเฉพาะรองรับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสมัยใหม่ และสามารถตอบโจทย์ ด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ พีดีพีเอ ด้วย