เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 31 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการชุมนุมตามที่กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายจัดกิจกรรม ‘ราษฎรประสงค์ยกเลิก 112’ ว่ามีการปิดถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ยาวไปจนแยกประตูน้ำ ส่งผลการจราจราจรบนถนนราชดำริค่อนข้างเคลื่อนตัวได้ช้า ส่วนในพื้นที่ชุมนุม มีการนำป้ายเขียนข้อความต่างๆ ไปแขวนตามสะพานลอย และป้ายรถประจำทาง รวมถึงมีภาพงานศิลปะ ติดตั้งอยู่ตามข้างทาง นอกจากนี้มีการเปิดดนตรีผ่านเครื่องขยายเสียง และพ่อค้าแม่ค้าอาหาร เสื้อผ้าของที่ระลึก เริ่มจับจองพื้นที่โดยรอบ
สำหรับกิจกรรมภายในงาน เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แจ้งว่าจะมีกิจกรรมจัดเวทีปราศรัย พร้อมแจกหนังสือบทปราศรัยคัดสรรคดี ม.112 และเปิดโต๊ะล่ารายชื่อแก้ไขกฎหมาย ที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ
ส่วนการเตรียมความพร้อมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีการนำตาข่ายสแลนขนาดใหญ่ คลุมปิดพระบรมฉายาลักษณ์ และป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงมีการขึงรั้วลวดหนามไว้บนประตู โดยมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงหรือจีโน่ และรถเติมน้ำจอดประจำการณ์ไว้ อย่างละ 1 คัน ขณะเดียวกัน ตำรวจได้นำกำลังส่วนหนึ่งมาพักคอยที่หน้าโรงเรียนวัดปทุมวนาราม โดยมีรถกระบะ รถควบคุมผู้ต้องหาขนาดเล็กหลายคัน และมีรถควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่อีก 1 คัน
ต่อมาเวลา 15.50 น. ที่บริเวณด้านหน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า มวลชนทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่ 15.00 น. โดยมีกลุ่มการ์ด เข้ามาสำรวจพื้นที่ก่อน ตอนนี้การจราจรติดขัด ไม่สามารถใช้เส้นทางถนนราชดำริได้ ส่วนถนนเพลินจิต มุ่งหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังสามารถสัญจรได้แต่การจราจรค่อนข้างติดขัด ทั้งนี้ ตำรวจมีกำลังเพียงพอรับมือสถานการณ์ โดยจะเน้นกำลังตำรวจนครบาลเป็นหลัก แล้วปรับตามขั้นตอน
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า ขอเรียนว่า ขณะนี้บ้านเมืองยังคงมีประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม มีการประกาศเคอร์ฟิว ดังนั้น การรวมตัวทำกิจกรรมเสี่ยงต่อการแพร่โรคโควิด-19 จึงผิดกฎหมาย โดยตำรวจได้จัดกำลังจราจร อำนวยความสะดวกให้ประชาชนตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ขอให้หลีกเลี่ยงถนนพระราม 1 ตั้งแต่ห้างเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ถึงแยกปทุมวัน พร้อมประสานผู้จัดงาน ไม่ให้ทำกิจกรรมกระทบต่อประชาชน
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมฝูงชน ได้ใส่เครื่องแบบสีกากีและพกอาวุธเข้ามาในพื้นที่การชุมนุม พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า นับแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังมีเหตุไม่สงบเรียบร้อยในหลายพื้นที่ บช.น.อาจมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธี โดยนำกำลังสายตรวจใส่เครื่องแบบกากีปกติ ทำให้สามาถพกอาวุธได้ตามปกติ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันเหตุต่างๆ เช่นเดียวกับตำรวจจราจร”
ขณะที่ นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ได้มาร่วมกิจกรรมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่แยกราชประสงค์ โดยเจ้าตัวเปิดเผยสั้นๆว่า ตอนนี้ตนมีคดีความอยู่ 2 คดี เป็นข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยตน อยากให้คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการพัฒนาอะไรใหม่ๆ สำหรับเพนกวิน ช่วงนี้ยังคงไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมที่เรือนจำได้ จึงต้องสื่อสารผ่านทนายความ แต่ก็ไปนั่งเฝ้าทุกวัน.