สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ว่า กองทัพอากาศสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี 1-บี แลนเซอร์ พร้อมเครื่องบินติดตามอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเครื่องบินจากกองทัพบาห์เรน อิสราเอล อียิปต์ และยูเออี บินในเขตน่านน้ำสากลของช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แล้วบินต่อเนื่องผ่านทะเลแดง ช่องแคบบับ เอล-มันเดบ และสิ้นสุดที่คลองสุเอซ แล้วบินกลับฐานทัพ

เครื่องบินเคซี-10 ของกองทัพสหรัฐ ประกบเครื่องบินบี1-บี เพื่อเติมเชื้อเพลิงให้ ระหว่างที่กำลังบินอยู่เหนือซาอุดีอาระเบีย


ขณะที่รัฐบาลอิหร่านและกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ( ไออร์จีซี ) ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นรูปแบบเดียวกับที่กองทัพอากาศสหรัฐส่งเครื่อบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ บี-52 เข้าสู่พื้นที่แถบนี้อย่างต่อเนื่อง ในสมัยรัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งนำสหรัฐถอนตัวออกจากการเป็นภาคีของตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน เมื่อปี 2561


ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันพร้อมกลับคืนสู่กรอบความร่วมมือนี้ แต่การเจรจาที่กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ซึ่งเกิดขึ้นหลายรอบแล้ว แทบไม่มีความคืบหน้า ในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดีอีบราฮิม ไรซี ผู้นำอิหร่านคนใหม่ ซึ่งเป็นบุคคลวงในของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี เรียกร้องให้สหรัฐยุติมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวก่อน.

เครดิตภาพ : AP