จัดเป็นอีกหนึ่งสาวมากเสน่ห์ที่หลายคนชื่นชอบสำหรับนางเอกสาว ปราง กัญญ์ณรัณ  ที่ล่าสุดขอเผยเส้นทางความรักกับแรปเปอร์หนุ่ม โต้ง ทูพี ที่คบหากันมานาน 10 ปี หลังจากกลับมาคบหากันอีกครั้ง พร้อมเล่าชีวิตในวงการบันเทิงผ่านรายการคุยแซ่บSHOW แบบจัดเต็ม

ปราง เผยว่า “วันเกิดโต้งที่ผ่านมาก็ให้ของขวัญ 10 ชิ้นเพราะฉลองครบรอบ 10 ปี  คือเป็นของเล็กๆ น้อยๆ เราอยากเซอร์ไพร์สเขา เพราะตอนวันเกิดปรางเขาก็เซอร์ไพร์สโดยการเอา กระเป๋าชาแนลใส่ในกล่องรองเท้าไนกี้มาให้ เราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรให้เขาบ้าง แต่เขามาบอกเราว่าไม่ต้องซื้ออะไรมา ปีนี้อยากให้เก็บตังค์ไว้ เราก็เลยรู้สึกว่าต้องเซอร์ไพร์สหน่อย ก็มีกล้องฟิล์ม มีแผ่นเสียง มีแก้วไวน์ มีไวน์ มีหนังสือสุพรีม มีสร้อยทอง มีเกมที่ออกกำลังกาย และชิ้นที่สิบคือตัวเองผูกโบว์ คือเราพยายามหาของขวัญให้ครบ 10 ชิ้น แต่มันไม่ครบจริงๆ ก็เลยเอาตัวเองผูกโบว์ไป ชิ้นสุดท้ายเขาก็ตกใจ เขาเขิน ก็น่ารักดี  ส่วนเรื่องการแต่งตัวเซ็กซี่เอาจริงๆปรางว่าเขาน่าจะชอบ คือถ้าออกมาดูแล้วสวยงาม ไม่ได้ดูน่าเกลียดหรือไม่เหมาะสมกับสถานที่ แต่วันนั้นมันไม่มีใครเลย มีแค่เรา 2 คน ถามว่าเขาขึ้หึงไหม ก็ขึ้หึง แต่ถ้ามีใครมองเขาเราปล่อยเลย เพราะหนูเป็นคนไม่ขึ้หึงเลย และไม่อยากไปยุ่งกับการทำงานเขาสักเท่าไหร่ เพราะในเอ็มวีเขาต้องถ่ายกับสาวเซ็กซี่ เราก็ไม่เคยไปคอมเม้นท์หรือไปติงว่าไม่ดีนะ ไม่เคยว่าเลย เราเข้าใจว่ามันคืองานของเขา”

“คบกันมา 10 ปีเขาไม่เคยมานอนบ้านปรางเลย ไม่มีเลยค่ะ มาบ้านยังมาน้อยมาก เพราะที่บ้านปรางค่อนข้างซีเรียสเรื่องอะไรแบบนี้ คุณแม่หัวโบราณมาก เรามาคบกันรอบ 2 ต่างกันเลย เพราะตอนแรกที่คบกันเรายังเรียนมหาลัยกันทั้งคู่ ยังเด็กมาก ความรักที่มีให้กันก็มี แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันมาก ก็พยายามปรับจูนกันมาเรื่อยๆ แล้วปรางก็ยังมีความฝัน อยากซื้อบ้านให้ครอบครัว อยากพาครอบครัวไปต่างประเทศ เพราะครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยมาก เราก็เลยคิดว่า ถ้าเรายังต้องมาให้เวลามานั่งปรับจูนกับแฟนอยู่ มันก็จะไปไหนไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจเลิกกันไป เลิกกันตอนนั้นโต้งเป็นแรปเปอร์แล้ว ตอนที่เขาออกซิงเกิ้ลแรกตอนนั้นเพิ่งคบกันเลย ที่ปรางตัดสินใจเลิกเพราะไลฟ์สไตล์เราต่างกันมากๆ ยอมรับว่าเสียใจกันทั้งคู่ เขาอาจจะซ็อคด้วย ทำให้ตอนนั้นทำเราไม่คุยกันเลย 2 ปี เพราะเราก็ใช้ชีวิตกันมาเรื่อยๆ พยายามปรับกันมา ถามว่ารักกันไหม รักกันมาก และที่ผ่านมาไม่เคยบอกเลิกกันมาก่อน เขาก็มียื้อบ้าง คือพยายามหาเหตุผลให้กลับมา แต่เราตัดสินใจแล้ว ปรางว่าเขาก็คงมีความไม่เข้าใจว่าทำไมปรางถึงตัดสินใจแบบนี้ด้วย ส่วนปรางเองก็รู้สึกอยากมั่นคงในความรู้สึก ทำให้เราไม่คุยกัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทะเลาะกันเลยแม้นิดเดียว ไม่มีเรื่องมือที่3 หรือไม่ชอบอะไร ไม่มีเลย หลังจากเลิกปรางก็โฟกัสแต่เรื่องทำงานและครอบครัว ไม่ได้ใส่ใจใคร”

ปราง เล่าต่อว่า “เอาจริงๆไม่เคยคิดว่าจะกลับมาคบกันอีก เชื่อไหมว่าไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย คิดแค่ว่า วันหนึ่งอยากกลับมาเป็นเพื่อนที่ดี เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่รู้จักเราดีมากๆ  เป็นแฟนคนแรกด้วย จุดเริ่มต้นเราคืออันนี้เริ่มจากปรางเอง เพราะเรารู้สึกว่า 2ปี แล้วไม่ได้คุยกันเลยมันตลกมาก และเราก็ไปเจอคนหลายคนมากที่ เขาเคยเป็นแฟนกัน แล้วเป็นเบสเฟรนด์กันได้ ก็เลยรู้สึกว่าอยากเป็นเบสเฟรนด์บ้าง  ก็มีวันหนึ่งเราก็เดินผ่านกัน โดยไม่ได้ทักกัน เราก็รู้สึกแย่ว่าทำไมต้องขนาดนี้ คนเป็นแฟนกัน เดินผ่านกันมันต้องไม่ทักขนาดนี้เลยเหรอ ก็เลยทักไปว่าเมื่อกี้ไม่ได้ทัก ซอรี่ด้วยนะ เขาก็ขอโทษเราที่ไม่ได้ทัก ก็เลยคุยกันว่า ว่างๆ มากินข้าวกันไหม ก็จากข้าวมื้อนึงก็กลายเป็นสองมี้อ เป็นสามมื้อ ตอนที่ได้กินข้าวกันมื้อแรกมันทำให้เราได้คุยกันทุกเรื่อง ที่เคยไม่เข้าใจ ปรางถึงได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ไม่คุยกับปรางเลย ปรางก็มีคำถามใจค่อนข้างเยอะว่าทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น หลังจากนั้นก็คุบกันมาเรื่อยๆ มีไปกินข้าว มีไปออกเดท เหมือนจีบกันใหม่ ซึ่งเราก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ก็มีข่าวอยู่บ้างว่าไปโน่นไปนี่ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจเซย์เยส คือเรายังกลัวว่าเราจะเข้ากันไม่ได้เหมือนเดิม และเราก็เป็นห่วงพ่อแม่ด้วย”

“ถามว่ากลับมาครั้งนี้มีสัญญากันไหม ตลอดเวลาที่คบกันไม่เคยมีกฎเกณฑ์อะไรเลย แต่เขาจะรู้ว่าปรางชอบอะไรไม่ชอบอะไร ปรางว่าเขารู้อยู่แล้วตั้งแต่คบกันรอบแรกเพียงแต่ว่าตอนนั้นเขาทำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเวลา อย่างเมื่อก่อนปรางว่ามันมีเวลาที่สามารถเจอกันได้ เราทำงาน เขาทำงาน เราก็เข้าใจว่าเขาเหนื่อย แต่บางครั้งมันก็ไม่ใช่งาน แล้วเขาก็ยอมรับว่าเขาติดเพื่อน  มันเลยมีปัญหา จิรงๆ ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย กลับมาคราวนี้ เขาก็จัดสรรเวลาได้เองโดยที่เราไม่ต้อกะเกณฑ์ต้องมาเจอกัน โทรหา ต้องรายงาน ต้องอะไร คือเขาทำเองหมดเลยโดยที่เราไม่ต้องขอ ปรางถึงบอกว่าเขารู้อยู่แล้วตั้งแต่แรก ปรางเข้าใจเขานะ และปรางรู้ด้วยว่าเขาไม่ควรเขาทั้งหมดของเขามาอยู่กับเรา”

“เรื่องแต่งงาน  ไม่ขนาดนั้น แค่เคยคุยว่าเดี๋ยวอีก 2 ปีจะแต่ง พอเจอโควิดก็บอกว่า อีก 2 ปี แล้วกัน (หัวเราะ) คือตอนนั้นโต้งถามว่าอยากแต่งตอนไหน เราก็บอกว่าอีก 2 ปีไหม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เขาก็บอกว่าก็ดีนะ ถามว่าตอนนี้พร้อมหรือยัง ยังค่ะ ล่าสุดที่เพิ่งคุยกันไป คือเขาก็อยากได้เวลา เพราะหายไปช่วงโควิด 2 ปี เขายังมีโปรเจคอีกเยอะเลย และปรางก็ยังเอ็นจอยกับการทำงาน ปรางยังอยากอยู่กับครอบครัว อยากไปเที่ยวกับที่บ้าน คือถ้าเราแต่งงานแล้ว ปรางก็ต้องไปดูแลเขา ไปใช้เวลากับเขาให้มากกว่านี้ แต่เรื่องลูก 50 : 50 คือโต้งรักเด็กมาก ปรางก็ชอบเด็ก  แต่เราก็เผื่อไว้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะได้แต่งเมื่อไหร่ ก็ต้องดูว่าตอนนั้นอายุเยอะไปหรือเปล่า หรือพร้อมหรือเปล่า ก็ต้องดูอีกที คือเขาก็บอกปรางว่าเขาไม่ซีเรียส อย่างไรก็ได้ “

ปราง เล่าต่ออีกว่า “ที่ชีวิตนี้มีแฟนคนเดียว จริงๆ ก็เป็นความตั้งใจ คือถ้ามันเป็นรักแรกแล้วมันดี เราก็อยากให้เป็นความรักครั้งเดียวในชีวิต ไม่เคยคิดที่จะมีแฟนหลายๆ คน ปรางรู้สึกว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดี ที่เรามีความรักให้กับคนๆ หนึ่ง แล้วเขาน่าจะภูมิใจที่เขาเป็นแฟนคนเดียวของเรา”