สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่าจากกรณี พล.อ.อับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซูดาน นำกองทัพทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.อ.บูร์ฮานยืนยัน “มีความจำเป็น” และกองทัพ “ไม่มีทางเลือกอื่น” ในการสกัดกั้นความพยายามปลุกปั่นของนักการเมืองบางกลุ่ม ซึ่งต้องการให้เกิดกระแสต่อต้านกองทัพในหมู่ประชาชน ที่จะลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามกลางเมืองนั้น


ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ ระงับการให้ซูดานเข้าถึงกองทุนมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 66,515 ล้านบาท) ที่มีการจัดสรรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาซูดาน ในยุครัฐบาลเปลี่ยนผ่าน และระงับภารกิจทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับซูดาน ทั้งนี้ รัฐบาลเฉพาะกาลของซูดานเพิ่งเข้าถึงกองทุนดังกล่าวได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

ผู้ประท้วงต่อต้านการรัฐประหารจุดไฟเผาสิ่งของ บนถนนในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน


ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งมอบความช่วยเหลือลักษณะเดียวกับเวิลด์แบงก์ให้แก่ซูดาน ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ ขณะที่สหภาพแอฟริกา (เอยู) ระงับสถานภาพสมาชิกของซูดาน เนื่องจาก “การยึดอำนาจที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ” และการระงับจะมีผลจนกว่าซูดานจะกลับมามีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนรัฐบาลวอชิงตันระงับความสนับสนุนมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 23,280.25 ล้านบาท) ให้แก่ซูดาน


ขณะที่สถานการณ์รุนแรงหลังการรัฐประหาร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน แกนนำของการต่อต้านกองทัพหันมาใช้แนวทางอารยะขัดขืน ด้วยการผละงานประท้วง โดยผู้ที่เข้าร่วมรวมถึงพนักงานจำนวนมากของซูดาเพต ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ซูดาน แอร์เวย์ส ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ พนักงานธนาคารกลาง และบุคลากรการแพทย์ของโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่ง.

เครดิตภาพ : AP