เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 24 ต.ค. นายเอกภพ เรืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม พา น.ส.ธัญพร หนองน้ำขาว อายุ 44 ปี พร้อมนางประคอง บุญศรี อายุ 77 ปี มารดา เดินทางเข้าพบตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน เพื่อให้ดำเนินคดีกับเซลส์ทวงหนี้ หลังถูกหยอดกาวใส่แม่กุญแจประตูรั้วบ้านพักภายในซอยพหลโยธิน 54 แยก 4 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ จนไม่สามารถออกจากบ้านได้
นางประคอง เผยว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้ยินเสียงคนทำอะไรบางอย่างกับแม่กุญแจ แต่ไม่ได้ออกมาดู เพราะคิดว่าล็อกกุญแจไว้ คงไม่มีใครเข้ามาได้ ซึ่งสาเหตุที่ล็อกบ้านเพราะภายในมีแต่ผู้หญิง ต่อมาช่วงเย็นจะออกไปกินข้าว แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ เพราะถูกกาวหยอดรูแม่กุญแจไว้ จึงโทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านและลูกชาย แต่ไม่สามารถเปิดได้ จึงตัดสินใจเอาอุปกรณ์มาตัดโซ่และแม่กุญแจออกได้ ทั้งนี้คาดว่าสาเหตุเกิดจากลูกสาวไปกู้ยืมเงินนอกระบบ ซึ่งตนเคยเตือนไปแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่ ว่าอย่าให้เจอตัว หนีได้หนีไป มิฉะนั้นจะไม่ยอม
ด้าน น.ส.ธัญพร เปิดเผยว่า หลังตนหายป่วยจากโควิด-19 ไปเจอใบปลิวเงินกู้นอกระบบที่มาจากตามหมู่บ้าน จึงไปโทรฯไปขอกู้ยืมเงินมาทั้งหมด 6 เจ้า เป็นเงิน 4 หมื่นบาท ต้องส่งต้นและดอกเบี้ย 2 พันบาทต่อวัน เพื่อนำมาเปิดร้านรถเข็นผลไม้ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ช่วงนี้ ทำให้ไม่สามารถค้าขายได้ตามปกติ ทำให้ขาดรายได้ และไม่มีเงินมาส่งให้กับเจ้าหนี้ โดยเชื่อว่าเจ้าหนี้รายที่นำกาวมาหยอดแม่กุญแจ คือ เจ้าหนี้ที่ไปกู้มา 1 หมื่นบาท ต้องส่งดอกวันละ 200 บาท ซึ่งเป็นเงินกู้ดอกลอย ต้องส่งดอกทุกวันจนกว่าจะมีเงินต้นมาคืนทั้งหมด
ขณะที่ นายเอกภพ กล่าวว่า รอให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนตัวผู้กระทำผิดว่าเป็นเซลส์เงินกู้จริงหรือไม่ ซึ่งการกระทำแบบนี้เป็นการทำนาบนหลังคน เชื่อว่าหลังวิกฤติโควิด ต้องมีคนไปกู้ยืมเงินนอกระบบมากขึ้น หากปล่อยไว้อาจลุกลามไปถึงการทำร้ายร่างกายกัน และฝากถึงภาครัฐควรมีกองทุนให้กับคนที่อยากตั้งตัวในช่วงวิกฤติโควิด ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจริงๆ ไม่ควรผลักภาระไปให้ธนาคาร กว่าจะผ่านขั้นตอนต่างๆ ใช้เวลานาน ไม่ตอบสนองต่อคนยากจนที่ต้องใช้จ่ายเงินแต่ละวัน จึงจำเป็นต้องไปหากู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน.