เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบกรณี พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย  สมาชิกวุฒิสภา (สว.)  ถูกร้องว่า กระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ กรณีแจ้งว่าจบการศึกษาจาก California University ในการยื่นสมัคร สว.เนื่องจากก่อนการพิจารณา กกต.ได้มีการสอบถามกับทางสำนักงานฯ และพบว่ายังมีสำนวนการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับ พญ.เกศกมล 2-3 สำนวน โดยเป็นการร้องเกี่ยวกับเรื่องการฮั้วเลือก สว. ที่สำนักงานฯ ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จค้างอยู่ ซึ่งโดยปกติการพิจารณาสำนวนการทุจริตการเลือกตั้ง สส.หรือการเลือก สว. หากผู้ถูกร้อง ถูกร้องหลายเรื่องหลายสำนวน กกต.จะให้สำนักงานฯ ดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จทุกสำนวน แล้วเสนอต่อที่ประชุม กกต.ในคราวเดียว เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นในกรณี พญ.เกศกมล ที่ประชุม กกต. จึงให้ทางสำนักงานฯ เร่งสอบสวนประเด็นเรื่องการฮั้วเลือก สว.ให้แล้วเสร็จและเสนอให้ กกต.พิจารณาภายในสิ้นเดือนนี้

อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า หาก กกต.มีมติว่า พญ.เกศกมล กระทำความผิดจากกรณีหลอกลวง ตามมาตรา 77(4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 ที่กำหนดว่าผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี โดยจะเป็นการเสนอเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ซึ่งหากศาลประทับรับฟ้องพญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา.