เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า อาวุธสำคัญที่พลังฝ่ายขวาสุด ซึ่งพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง ใช้โจมตีทางการเมืองต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาตลอดคือ เรื่องสถาบัน ทุจริตคอร์รัปชันภายใต้ภูมิทัศน์คนดีคนชั่ว และอุดมการณ์ชาตินิยม

ข้อกล่าวหาเรื่องสถาบันพุ่งเป้าใส่รัฐบาลไม่ง่ายเหมือนก่อน คอร์รัปชันก็ทำอะไร 1 ปีของรัฐบาลเศรษฐาไม่ได้ ยิ่งรัฐบาลแพทองธารเพิ่งทำงานไม่ถึง 2 เดือนจะว่าร้ายเรื่องนี้ก็ห่างไกล

วาระนี้จึงเป็นเรื่องชาตินิยม ใช้กรณี MOU44 เชื่อมโยงกับเกาะกูด สร้างแรงกดดันหลายมิติ บางกลุ่มนัดชุมนุมขับไล่ ทั้งที่รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆนอกเหนือจากที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้ เรื่องทรัพยากรปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อน ก็ยังไม่มีการเจรจากันแม้แต่คำเดียว

เทียบเคียงกับการทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร ที่ใช้โจมตีรัฐบาลสมัครข้อหาขายชาติ โดยกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งประกอบด้วยคนกลุ่มเดียวกันหลายคนที่กำลังปั่นกระแสเกาะกูดอยู่ขณะนี้

วันนั้นทวงคืนปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งไทยแพ้คดีในศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 วันนี้ปกป้องเกาะกูดทั้งที่เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดตราดมาหลายสิบปี โดยไม่เคยมีประเทศใดทักท้วงทวงสิทธิ์

วันนั้นเรียกร้องให้ยกเลิกแถลงการณ์ร่วม (joint communique) วันนี้ให้ยกเลิก MOU44

วันนั้นปลุกกันจนมีคนเดินขบวนเกิดปะทะกับคนในพื้นที่ บานปลายต่อเนื่องถึงขั้นทหารทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงใส่กัน มีการบาดเจ็บสูญเสีย ถือเป็นการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน

ถึงที่สุดเรื่องกลับศาลโลก ปี 2556 ศาลชี้ว่าตัวปราสาทเป็นของกัมพูชา

ปี 2558 ศาลฎีกาชี้ว่า การดำเนินการของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศขณะนั้น(ซึ่งถูกฝ่ายต่อต้านฟ้อง) ไม่มีความผิด ประเทศไทยได้ประโยชน์จากกรณีดังกล่าว ไม่มีคนรับผิดชอบ ไม่มีใครพูดถึงแถลงการณ์ร่วม (joint communique) นั้นอีก หรือไม่มีใครสรุปบทเรียนจากเรื่องนี้ ?

วันนี้ MOU44 ซึ่งทั้งกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคง ยืนยันตรงกันว่าไม่ใช่เป็นการยอมรับการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของอีกฝ่าย จะถูกใช้เป็นเครื่องมือปั่นกระแสไปถึงไหน

อาเซียนกำลังเนื้อหอม สิ่งที่โลกอยากรู้และต้องการเห็น คือ 2 ประเทศจะบรรลุข้อตกลง นำทรัพยากรปิโตรเลียมใต้ทะเลมูลค่ามหาศาลกว่า 10 ล้านล้านบาทมาใช้ประโยชน์หรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่พิพาทสู้รบชิงดินแดน เพิ่มอุณหภูมิในภูมิรัฐศาสตร์ ทำลายบรรยากาศและความเชื่อมั่นในภูมิภาค

ผมเชื่อว่า สังคมไทยมีประสบการณ์ อ่านขาดว่าเรื่องนี้คือการเมืองของฝ่ายขวาสุดขอบ ซึ่งรัฐบาลยังต้องรับมืออีกหลายขนาน