เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่ห้องแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจอห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายบริหารราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ถึงผู้บังคับการจากทั่วประเทศเข้าร่วม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงวิสัยทัศน์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ 2568 ระบุว่า “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน” พร้อมอธิบายว่าวิสัยทัศน์ของตนเองมีความชัดเจนในทุกคำไม่จำเป็นต้องตีความ ทุกคนในที่ประชุมแห่งนี้ต้องทำตามนี้หากทุกคนทำตามวิสัยทัศน์ที่ว่าต้องซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส จะนำมาซึ่งความผาสุก คือ ความเชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องประชาชน

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า การประชุมมอบนโยบายฯ ในวันนี้ที่มีการจัดขึ้นก่อนการแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร. และผู้บังคับบัญชา เพราะต้องการทำความเข้าใจก่อนที่ทุกท่านในที่นี้จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ หรือหัวหน้าสถานี เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่มีการใช้กฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. จึงทำให้กระบวนการแต่งตั้งเลื่อนระยะเวลาออกไปอีกถึง 2 เดือน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึง 15 นโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568

1.ปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.เปลี่ยนแนวคิด Mindset : ข้าราชการตำรวจต้องปรับทัศนคติ ค่านิยม เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในตัวตำรวจ

3.ทำดีมีรางวัล : ยกย่องเชิดชู ตอบแทนตำรวจที่ทำดี ซึ่งหวังว่าในห้วงเวลาที่ตนเองเป็นผบ.ตร. สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหากมีการกระทำผิด จะต้องตัดสินลงโทษอย่างเด็ดขาด “ต่อไปนี้เราจะเป็นตำรวจยุคใหม่ New generation”

4.ปรับการบริการและพัฒนางานสถานีตำรวจ : เพราะสถานีตำรวจคือจุดยุทธศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

5.พัฒนางานสอบสวนอำนวยความยุติธรรมทางอาญา : เนื่องด้วยองค์กรตำรวจคือกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น และเป็นหน้าที่สำคัญ

6.ปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน : ในเรื่องยาเสพติดต้องมุ่งจัดการผู้ค้ารายย่อยอย่างจริงจัง ซึ่งการที่ตนเองได้ลงพื้นที่ไปจัดการเรื่องนี้ในเวลา 1 ปีทำให้เห็นถึงปัญหาอย่างแท้จริง จึงอยากกำชับว่า “เหรียญบาทตกแม้เหรียญเดียว พวกท่านต้องรู้”

7.ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย : จากนี้จะเป็นงานหนักของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่จะต้องเข้มงวดไม่ปล่อยให้มีต่างด้าวเข้าเมืองมาประกอบอาชีพที่เบียดเบียนประชาชนไทย หรือก่อเหตุอาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน

8.สร้างวินัยจราจร : ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถสาธารณะ ต้องมีการจัดการให้เป็นระเบียบ ในเรื่องนี้ยอมรับว่าอาจไม่ได้สำเร็จในยุคของตนเองแต่ต้องพยายามทำให้ดียิ่งขึ้น ตำรวจจะไม่ใช้หลักนิติศาสตร์เต็ม 100% แต่ต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ร่วมด้วย

9.การข่าวเชิงรุก : เข้มข้นในการวางแผนการข่าว เช่น เรื่องชายแดนใต้ หรือแม้แต่การชุมนุม

10.สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และความโปร่งใส : ตามหลักนิติธรรมต้องให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกับเรา

11.สร้างแผนแม่บท Master Plan : การถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ตำรวจเท่าทันยุคสมัย จากนี้ทุกอย่างต้องมีรูปแบบการทำงานเพื่อวางเส้นทางให้ตำรวจรุ่นหลัง

12.ปรับรูปแบบการบริหารงานบุคคล และงบประมาณ : ต้องจัดสรรให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แบบที่เรียกว่าพลิกกลับคือ ระดับล่างลงไปต้องได้มากขึ้นผู้ปฏิบัติงานต้องได้เงินตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลในฐานะคนทำงาน ไม่ใช่เงินทับถมที่ฝ่ายบริหารตำรวจระดับสูง

13.ปรับปรุงระเบียบ คำสั่ง กฎหมาย : กฎหมาย ระเบียบ จะต้องมีการจัดกลุ่มเพื่อให้การใช้งานเป็นไปได้จริง สะดวกต่อผู้บังคับใช้กฎหมาย

14.ฝึกอบรมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : เพราะการลงทุนกับคนเป็นเรื่องคุ้มค่า เราจำเป็นต้องเพิ่มทักษะ-ความสามารถ

15.สวัสดิการตำรวจ : สิ่งที่ตำรวจพึงมีต้องมีอย่างไม่ขาดตก รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้ที่มีปฎิภาณไหวพริบดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ผู้ที่เสียสละชีวิตตัวเองจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างคุ้มค่า

ในส่วนสุดท้าย ผบ.ตร.ได้กำชับข้อปฏิบัติ 6 ข้อ ประกอบด้วย

1.การช่วยราชการ การสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการ ต้องเป็นไปตามนัย มาตรา 92 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และระเบียบ ตร.ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการใน ตร. พ.ศ.2566 อย่างเคร่งครัด

2.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย

3.การดูแลนักท่องเที่ยว การรักษาความปลอดภัยดูแลอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

4.การอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล

5.สมาคมแม่บ้านตำรวจ สนับสนุนความร่วมมือในการทำงานของสมาคมฯ ซึ่งวันนี้ที่เชิญทางสมาคมแม่บ้านให้มารับฟังด้วยกัน เพราะต้องการให้แม่บ้านเดินหน้าไปกับตำรวจและครอบครัว ฝ่ายชายหากเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้ทางฝ่ายหญิงไปด้วยกัน สิ่งใดที่ไม่จำเป็นไม่ต้องทำ

6.ผู้บัญชาการ/ผู้บังคับการ ต้องมีความเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ (Influencer) ด้วยตนเองต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้ประชาชนในปี 2569 ว่า กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จัดทำแอปพลิเคชันไซเบอร์เช็ค เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้งเบอร์โทรศัพท์และหมายเลขบัญชี ส่วนโครงการเดิมที่มีอยู่เช่น ฝากบ้านไว้กับตำรวจยังคงต้องเดินหน้าต่อ รวมไปถึงการออกตรวจสุขภาพประชาชนและตำรวจ

สุดท้ายนี้สิ่งที่ตนเองอยากฝากไว้ให้ผู้บังคับบัญชา ให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาของตน คือการใช้โซเชียลมีเดียต้องให้เป็นไปอย่างมีสติ และหากมีเหตุเกิดในพื้นที่ตำรวจ ในพื้นที่ต้องจัดการอย่างรวดเร็วอย่าปล่อยปะละเลย

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้สัมภาษณ์หลังมอบนโยบายว่า สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำในวันนี้คือขอให้ตำรวจปรับทัศนคติตนเอง ให้เดินหน้าไปสู่การทำงานที่จะสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชน ตนเองจะพยายามผลักดันองค์กรให้ทำถึงจุดนั้นให้ได้ การให้ความสำคัญในงานสืบสวนสอบสวน เพราะตำรวจเป็นองค์กรอำนวยการความยุติธรรมเบื้องต้น ต้องเข้าใจบทบาทและหน้าที่ตัวเองในการเป็นตำรวจ เราจะต้อง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตำรวจเต็มใจและพร้อมที่จะทำ

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายให้ตำรวจเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ ทุกวันนี้ตำรวจต้องขอบคุณภาคเอกชนที่คอยรับเรื่องความทุกข์ของพี่น้องประชาชนมาส่งต่อ แต่ตนเองอยากให้ผู้บัญชาการ ผู้บังคับการ หัวหน้าสถานี เปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิดเป็นผู้รับเรื่องราวเอง ให้ทำตัวเหมือนอินฟลูเอนเซอร์ แก้ไขความทุกข์ร้อนให้พี่น้องประชาชน แม้ไม่ใช่หน้าที่หน้างานของตัวเองก็จะต้องรับเรื่องทั้งหมดและส่งต่อได้ และมุ่งเน้นให้รีบทำให้เร็วที่สุดเพื่อคลายความทุกข์ของพี่น้องประชาชน

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การนำแม่บ้านตำรวจเข้ามาสนับสนุนการทำงาน ตนเองมีจุดประสงค์อยากให้สมาคมแม่บ้าน ก็คือภรรยาของข้าราชการตำรวจได้มานั่งฟังว่าตำรวจฝ่ายชาย จะต้องทำงานภายใต้แนวทางแบบใด ทิศทางใด อยากให้ฝ่ายหญิงได้ร่วมรับฟัง ส่วนฝ่ายหญิงสมาคมแม่บ้าน ให้เดินคู่กับเราในเรื่องการทำงาน ทำให้ตำรวจส่งเสริมครอบครัวตำรวจ ให้มีความสุข แก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อน ยกระดับครอบครัวในการสร้างอาชีพเสริมรายได้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวยืนยันว่า การร่วมงานกันกับสมาคมแม่บ้านตำรวจจะไม่ทำให้เกิด ผบ.ตร. 2 คน แต่เพื่อให้งานเป็นไปอย่างสอดคล้อง เดินหน้าในแนวทางเดียวกัน.