ทำเอาหลายคนจับตารอลุ้นหนักมาก หลังจากพิธีกรคนดัง “กันต์ กันตถาวร” ได้ประกาศยุติการเป็นพิธีกรทุกรายการ เนื่องจากที่มีชื่อไปพัวพันเกี่ยวข้องกับ ธุรกิจออนไลน์ที่กำลังเป็นกระแส ณ ตอนนี้ โดยเช่นเดียวกัน ทางต้นสังกัดเวิร์คพอยท์ ก็ออกมาประกาศถึงการยุติบทบาทของหนุ่มกันต์ ซึ่งต่อมาเฟซบุ๊กของรายการร้องข้ามกำแพง ได้ออกมาเฉลยให้แฟนๆได้ทราบผ่านทางเพจ ซึ่งทางรายการโพสต์ภาพของพิธีกรคนใหม่อย่าง “ซี ศิวัฒน์” พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง ที่มาแทนที่หนุ่มกันต์ในรายการดังกล่าว แน่นอนว่าหลายๆคนต่างพากันรอลุ้นว่าอีกหนึ่งรายการดังที่หนุ่มกันต์เป็นพิธีการอย่างรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ใครกันจะเป็นพิธีกรดำเนินรายการแทน โดยล่าสุด ซี ศิวัฒน์ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องราวนี้แล้วว่า
“จริงๆตัวรายการมันดีอยู่แล้วใครจะมาทำแทนก็ได้ ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ว่าต่างคนก็ต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง ถ้าจะให้เครคิต ต้องให้นุ้ย(ดีเจนุ้ย) ปั้นจั่น(ปรมะ อิ่มอโนทัย) ให้เครดิตศิลปินทุกคนและทีมงาน คือแพลตฟอร์มรายการร้องข้ามกำแพงมันดีอยู่แล้ว ผมไม่ได้กดดันเรื่องงาน มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้ดีมาก แต่ว่าเราก็ต้องงมีความเเป็นมืออาชีพที่งานและศิลปินทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ เป้าหมายและธงที่เราต้องไว้คือยังคงดำเนินให้รายการนั้นออกมาแล้วทำให้ทุกคนมีความสุข นั่นคือเป้าของเรา ส่วนหลังบ้านเราจะรู้สึกยังไง เป็นหน้าที่เราต้องจัดการ กับความรูู้สึกตัวเอง วันนี้ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันเข้าสู่กระบวนการแล้ว มันก็ว่ากันไปตามนั้น ตอนรู้ว่าต้องรับหน้าที่นี้ก็ไม่ได้คิดหนักอะไรเลย ทำตามหน้าที่ เพราะเอาจริงๆผมก็เป็นลูกจ้าง ผมเป็นคนในบริษัทเวิร์คพอยท์ สำหรับผมการที่ผมจะไปแทนใครมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมยินดีมาก อะไรก็ตามที่ทำสำหรับบริษัท เราทำตามที่ผู้ใหญ่เห็นชอบผมทำมันด้วยความสุขอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้มันแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมามันไม่ได้เป็นการแทนชั่วคราวหรือช่วงใดช่วงหนึ่ง วันแรกที่ผมไปถ่ายเรายการผมก็ส่งข้อความหาเอมี่ถึงอะไรบางอย่างที่มันอัดอั้นในใจผม ผมพูดตรงๆว่ามันเป็นความรู้สึกแย่ เหตุการณ์นี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นทั้งคนใกล้ตัวหรือผู้เสียหาย แต่อย่างไรก็ตามในฐานะที่เราควรจะเป็นมืออาชีพในการทำงานเพระาฉะนั้นเราต้องวางไว้คนละเรื่อง ได้เช็คฟีดแบ็คตั้งแต่ก่อนจะทำงานแล้วมันเป็นอะไรที่ดีมากๆคือปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีเป็นไปไม่ได้เลย ขอบคุณทุกแรงเชียร์ขอบคุณทุกกำลังใจที่เห็นผมเหมาะสม ถามว่าความกดดันมันเบาลงไหม คือผมไม่ได้กดดันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมบอกแล้วว่าผมแค่ดำเนินรายการ หน้าที่พิธีกรไม่ได้มีหน้าที่เป็นพระเอกของเรื่องอยู่แล้วเพราะฉะนั้นถ้าเราคิดถึงตัวเองว่าเราจะต้องเป็นพระเอกของเรามันก็จะกดดันหน้าที่ของพิธีกร คือเราหน้าที่สร้างบรรยากาศให้ทุกคนมีความสุข เราแค่เราตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่มันสนุกอยู่แล้ว ทุกคนสนุกผมก็เอ็นจอย ผมเห็นคนแฮปปี้ก็มีความสุข ผมมีหน้าที่ เต๊าะ อำ บ้างคือมันเป็นหน้าที่ผม ผมไม่ได้มีหน้าที่เป็นพระเอกของเรื่อง เพราะฉะนั้นสภาวะความกดดันมันเลยไม่มีเลย”
“ในส่วนของรายการเดอะแมสซิงเกิล ผมถือโอกาสตรงนี้บอกว่าเป็นผมเองครับ แต่มันไม่เหมือนกัน รายการร้องข้ามกำแพงมันคือการถ่ายทำใหม่ แต่เดอะเแมสซิงเกิลต้องให้ทางบริษัทประกาศ หรือไม่ต้องประกาศทุกคนก็พอที่จะเดากันได้อยู่แล้ว ไม่ได้มีการแบ่งบทบาทอะไรแต่เดอะแมสซิงเกิลมันถ่ายทำไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของผมผมก็คงต้องไปแก้ไขอะไรบางอย่าง ซึ่งบอกได้เลยว่าอันนี้งานหินมาก ยากมาก ยากทั้งทีมงานและผม ผมขอเป็นตัวแทนบริษัทเวิร์คพอยท์ กราบขอบพระคุณ ศิลปินหรือกรรมการหลายท่านที่น่ารักกับเรามากอะไรที่ใช้ของเดิมได้ก็จะใช้ อะไรที่ต้องเข้ากับผมก็ต้องถ่ายใหม่ ซึ่งมันก็ยาก เอาเป็นว่าขอให้ทุกท่านเปิดใจผมการรันตีว่าซีซั่นนี้ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ที่ต้องรื้อทำใหม่คนที่เครียดคือทีมงาน
(กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นซีรับทุกอย่างจบเลย?) ก็ยินดีเสมอ จริงๆแล้วผมเป็นคนทียินดีอยู่แล้วผมไม่ได้คิดอะไรเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผมคิดว่ามันเป็น ของใครหรือใครทำมา เป้าของเราของเราคือทำให้ทุกคนมีความสุขเท่านั้นเอง ได้โลกสวยหรือพูดให้ดูดี แต่ผมเป็นแบบนี้จริงๆผมก็เลยไม่เคยมีสภาวะความกดดันว่าถ้าผมทำแล้วมันจะดีไหม คนจะมองผมยังไงคือยังไงเทปแรกออกมามันไม่ได้ดีหรอกครับ เดียวพอมันชินมันก็จะดีของมันเอง กับตำแหน่งลูกรักคนใหม่อันนี้ก็แล้วแต่ว่าแต่จะคนจะให้ความหมายยังไง แต่สำหรับผมเองผมไม่ได้เป็นลูกรักอะไรผมมีงานมาตลอด ทำหน้าที่ของผมด้วยความตั้งใจมาตลอดมันจะเป็นยังไงก็เป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติ”
ขอบคุณภาพประกอบจาก:siwat_c