เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราบ (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว, พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. ร่วมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดี น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย แจ้งความเอาผิดนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม

ทนายแย้ม “เจ๊อ้อย” รู้จักกับบุคคลอักษรย่อ ส. เพราะการแนะนำของทนายชื่อดัง

โดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการสอบเจ๊อ้อยไปแล้วหลายครั้ง ภาพรวมการสอบตอนนี้อยู่ที่ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการสืบสวนควบคู่กันไป หากได้หลักฐานพยานต่างๆ ก็จะต้องมาพิจารณาว่ามีอะไรที่สอดคล้องกันหรือไม่ และทนายตั้ม กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ก็ต้องมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ที่จะนำตัวทนายตั้มเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับต้องดูพฤติการณ์ข้อหาต่างๆ ประกอบ แต่หากหลักฐานใดขัดแย้งหรือมีความไม่ชัดเจน ก็จะเรียก เจ๊อ้อย มาสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปมเงิน 71 ล้านบาท ถือว่าสอบชัดเจนแล้วหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการสอบชัดเจนไปแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องพิจารณาต่อ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก ทนายตั้ม แต่อย่างใด สำหรับที่มีกระแสว่าทนายตั้ม จะหนีออกนอกประเทศ ตนคาดว่าตัวทนายตั้มจะไม่หนี เพราะเห็นออกหน้าสื่ออยู่ตลอด แต่หากมีการออกไปนอกประเทศจริง ก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับคดี และในส่วนของกำหนดการออกหมายเรียกหรือหมายจับนั้น ขอไม่กำหนดระยะเวลาว่าจะออกวันนี้หรือพรุ่งนี้แต่อย่างใด อยากทำงานให้ละเอียดที่สุด จึงขอเวลาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนอย่างเคร่งครัด

สำหรับเรื่องให้เงินด้วยความเสน่หานั้น เป็นเรื่องในสำนวน ตนยังไม่ขอพูด และในส่วนมีข่าวลือไปค้นตรวจสอบบ้านพักบางจุดที่เกี่ยวข้องกับทนายตั้มนั้น ทางตำรวจมีการค้นตามหลักการปกติ แต่ไม่ขอพูดว่าไปค้นที่ใดบ้าง แต่จากการค้น ยอมรับว่ามีประโยชน์ต่อคดีในการดำเนินการต่อไป