เมื่อวันที่ 2 พ.ย. พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านความมั่นคง ในพื้นที่อำเภอเกาะกูด จ.ตราด กรณี เอ็มโอยู 2544 นโยบายรัฐบาลเจรจาผลประโยชน์ทางทะเล ทำให้กองทัพเรือ ลำบากใจหรือไม่ ว่า หน้าที่ของกองทัพเรือ คือการดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติ รัฐบาลไทยได้ประกาศเขตเอาไว้แล้ว เมื่อปีพุทธศักราช 2516 เราจะดูแลพื้นที่ตามเขตแดนที่รัฐบาลประกาศไว้ ส่วนความคืบหน้าหรือข้อตกลงอะไรนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ที่จะดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลให้กับประชาชน
“ขอให้มั่นใจกองทัพเรือดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่ ยืนยันความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ไม่มีความขัดแย้งใดๆ” ผบ.ทร. กล่าว
เมื่อถามว่า รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ได้ย้ำให้หน่วยมีความพร้อมที่จะดูแลพื้นที่ ตนจึงต้องลงมาดูแล ซึ่งเป็นไปตามนโยบายว่ากองทัพเรือต้องพร้อมที่จะดูแลพื้นที่ที่อยู่ในทะเลให้ได้ 100% เพราะฉะนั้นอะไรที่ติดขัดก็จะเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้สำเร็จ ซึ่งหลายเรื่องได้แก้ปัญหาไปแล้ว เหลือแค่บางเรื่องที่จะต้องค่อยๆ แก้ไข เพราะต้องใช้งบประมาณ
เมื่อถามต่อว่ากลุ่มที่มีการเรียกร้องอาจมีการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เกรงว่าจะมีปัญหาหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจ ว่ากองทัพเรือจะดูแลพื้นที่ตรงนี้ได้ ไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงที่นี่ ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนฝั่งและบนเกาะ มีความมั่นใจกับกองทัพเรืออยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่าพื้นที่เกาะกูดได้ถูกเชื่อมโยงเป็นประเด็นทางการเมือง กองทัพเรือได้กำชับกำลังพลอย่างไรบ้าง พล.ร.อ.จิรพล กล่าวว่า เราทำหน้าที่ของเรา และเรามีความสัมพันธ์กับพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างดี ซึ่งจากการรับฟังบรรยายสรุปของหน่วยฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เรือประมงที่ทำมาหากินอย่างสุจริต ไม่เคยรุกล้ำเข้าพื้นที่มาเลย ยกเว้นเรือที่ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี แต่ก็สามารถจับกุมได้ตามอำนาจหน้าที่ของเรา สำหรับประชาชนที่ทำมาหากินสุจริตในทะเลทั้งสองฝั่งนั้น ทุกคนมีความสุข ไม่มีใครเดือดร้อน และประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ยืนยันหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่มีความสัมพันธ์ที่ดี สามารถพูดคุยกันโดยไม่มีข้อขัดแย้งอะไรต่อกัน.