เมื่อวันที่ 1 พ.ย. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายนิกร จำนง ประธานยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ทันในการเลือกตั้งท้องถิ่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 ว่าทราบอยู่แล้วว่าไม่ทัน เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภามองว่าควรกลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น จึงทำให้มีความล่าช้าเกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นจึงทำให้ไม่ทันการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งหากการทำประชามติแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ก็จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมมากขึ้นในการทำประชามติ เพราะแยกจากการเลือกตั้งท้องถิ่น จากตอนแรกที่จะทำพ่วงไปด้วยกัน
เมื่อถามว่าหากมีการใช้งบประมาณเพิ่มเติมจะต้องมีการหารือร่วมกันใหม่อีกครั้งจะส่งผลให้ระยะเวลาในการทำประชามติยืดออกไปหรือไม่ นายสรวงศ์ยอมรับว่ามีผลแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าจะช้าถึงขนาดไหน ขึ้นอยู่กับว่าประชามติครั้งแรกจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่
เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็จะเสร็จไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งการใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดิมจะทำให้เกิดปัญหาอีกหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ เพราะการเลือกตั้งในปี 2566 ก็ผ่านมาแล้ว ซึ่งปัญหาที่เกิดก็ยังคงเดิม หากไม่ทัน ซึ่งการทำประชามติควรเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิมที่ตั้งไว้ คือใช้เสียงข้างมาก 1 ชั้น และผ่านประชามติให้ทันการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ จะได้เป็นไปตามไทม์ไลน์และกรอบงบประมาณที่วางไว้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทุกอย่างก็กระทบเป็นโดมิโนไปหมด
เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน นายสรวงศ์กล่าวว่า ก็พยายามทำทุกอย่างให้ทัน แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่พร้อมก็ต้องดูว่าประชามติครั้งแรกเสร็จเมื่อไหร่ โดยส่วนตัวมองว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่รู้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ แต่เรื่องปากท้องต้องมาก่อน ซึ่งฝ่ายบริหารก็เดินหน้าทำงาน ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติก็พยายามที่จะให้ทัน แต่หากไม่ทันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่เหนือการควบคุมของเรา เชื่อว่าหากมองจากข้างนอกก็จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องยอมรับและทำให้ดีที่สุด