เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาพปัญหา และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค จากการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยเฉพาะกรณีของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยมีการเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป เข้าชี้แจง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นต้น

โดยประธาน กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกมธ.ฯ ว่า เรื่องคดีดิไอคอนได้เข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอแล้ว แต่วันนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สตช. ดีเอสไอ และ ปปง.โดยตัวแทนทุกฝ่ายกำลังสืบสวนสอบสวนเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรติดขัด

เมื่อถามว่าประเด็นที่กมธ.ฯ เชิญมาชี้แจง เป็นประเด็นอะไร และมีการสอบถามถึงเทวดาใน สคบ.หรือไม่ นางบุญยิ่ง กล่าวว่า เรื่องเทวดาใน สคบ. ยังประชุมไปไม่ถึง เพราะการหารือสงสัยว่า ในคลิปมีการพาดพิงถึงดีเอสไอว่า ทำไมการทำงานของดีเอสไอในสังคมเวลามีเรื่องผิดถึงต้องเข้ามารื้อตรวจสอบ แต่ปัจจุบันมีคลิปออกมาพาดพิงถึงดีเอสไอ แต่ดีเอสไอกลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ตัวเองถูกพาดพิงได้รับความเสียหาย โดยดีเอสไอขอเวลาเร่งดำเนินการสอบสวนให้ชัดเจนกว่านี้

เมื่อถามว่า มีประเด็นใดที่น่าสงสัยหรือติดใจว่าดีเอสไอจะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ด้านนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ร้องเรื่องคลิปนาฬิกาปลอม กล่าวว่า ได้เข้าไปซักถามทางผู้ที่มาชี้แจง​ โดยได้สอบถามเรื่องคลิปต่างๆ ที่มีการพาดพิง​ถึงดีเอสไอ รวมไปถึงเรื่องที่ดีเอสไอบุกจับนาฬิกาปลอมของบอส​ดิไอคอน​ มีขั้นตอนการรับเรื่องอย่างไร​ เหตุใดผู้แจ้งเบาะแสถึงโทรฯหาดีเอสไอ ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่า​ ผู้แจ้ง​บอกว่าเป็นของบอสอ๊อฟ​ แต่ส่วนตัวมองว่า​ ไม่น่าใช่​ แต่ดีเอสไอ ก็รับปากว่าจะทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาดีเอสไอเข้าไปเกี่ยวข้อง และเป็นคนทำคดีเอง ดีเอสไอจะทำอย่างให้ประชาชนเชื่อมั่น เนื่องจากข่าวที่ออกมา กระแสสังคมไม่อยากให้ดีเอสไอเข้ามาทำคดี แต่ด้วยข้อกฎหมายที่ต้องทำ นายไผ่ กล่าวว่า วันนี้เป็นข้อกฎหมายแล้ว จำเป็นต้องทำ ถ้าไม่ทำก็จะโดนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 วันนี้เราฝากไปแล้วว่า ในภาคของ สส. ได้รับการกล่าวถึงด้วย กมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งชุดเก่าและชุดใหม่ มีการเข้าไปเกี่ยวข้อง และมาเคลียร์กัน เราคุยกับหลายภาคส่วนแล้ว เป็นการแอบอ้าง แต่ยังไม่ฟันธง ดังนั้นกมธ.ฯ จะเกาะติด จับตา และขอร้องว่าคดีลักษณะนี้อย่าให้มีความเคลือบแคลงใจ

เมื่อถามว่า มีการพูดคุยถึงหมายจับรอบ 2 หรือไม่ นายไผ่ กล่าวว่า เราไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนั้น แต่ทางตำรวจบอกแล้ว ทั้งตำรวจ และดีเอสไอ ยืนยันจะไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เรื่องไปถึงไหน เอาความผิดเต็มที่ ส่วนกรณีที่มี สว.ออกมาแสดงความเห็นว่าหากคดีเข้าไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ จะทำให้คดีขาดอายุความก่อนที่จะดำเนินคดีนั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่วันนี้เขายังไม่ได้ทำอะไร แต่จุดที่เราสงสัยคือทำไม ทางฝั่งผู้ต้องหาถึงพยายามก่อเรื่องในลักษณะให้มีการจับเรื่องนาฬิกา หรือโยนไปให้ดีเอสไอ เป็นข้อที่เราติงไว้อยู่แล้ว แต่เราต้องให้โอกาสเขาก่อน วันนี้พูดคุยหลายอย่าง แต่จะให้ออกมาเปิดเผยคงไม่เหมาะสม อาจเป็นการชี้นำ เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีความชัดเจนขึ้น

เมื่อถามว่ากมธ.ฯ วางกรอบการทำงานที่ยังเป็นประเด็นสงสัย และจะสรุปอย่างไร นายไผ่ กล่าวว่า ต้องดูหลังจากนี้ว่าสิ่งที่เราดำเนินการไปมีการขยับแบบใดที่จะทำให้หายสงสัย และแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม แต่เรื่องคดีไม่สามารถทำให้เร็วได้ เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการศาลฯ

เมื่อถามว่า การประชุมกมธ.ฯ สัปดาห์หน้าจะเชิญหน่วยงานใดมาชี้เพิ่มเติม นายไผ่ กล่าวว่า ต้องรอดู หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมตนก็จะร้องอีก เพื่อให้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงอีก

เมื่อถามว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล อาจจะรอดคดี นายไผ่ กล่าวว่า จะมองอย่างนั้นก็ไม่ถูก เพราะเราไม่สามารถไปตัดสินอย่างนั้นได้ แต่กรรมาธิการถูกแอบอ้างจากบุคคลคนหนึ่ง  ซึ่งตนเป็นหนึ่งในกมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค ชุดเก่า และนางบุญยิ่ง ในฐานะประธานกมธ.ฯ ชุดใหม่ รวมถึงสภาได้รับความเสียหายจากคลิปบุคคล ส.  ตรงนี้เราเจาะไปหลายเรื่อง และยังพูดถึงมุมความผิดอีกหลายเรื่อง อะไรที่เราเห็นเราได้ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เชิญมาไปหมดแล้ว เราจะเกาะติดเรื่องนี้ เพื่อทำให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความสบายใจโดยเฉพาะ ปปง. เราได้ฝากข้อมูลไปว่ามีทรัพย์สินตรงไหนที่ควรไปตาม คนนั้นเรียกรับอย่างนี้คนนี้ทำอย่างนั้น ไม่ต้องห่วงกรรมาธิการฯ ชุดนี้ทำเต็มที่

เมื่อถามว่าล่าสุดมีการพบข้อมูลว่ามีการโอนเงินไปให้แม่ของนักการเมือง ส. จำนวน 2.5 ล้านบาท นายไผ่ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็มีการพูดคุยกัน วันนี้เราตามทั้งเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินที่ไม่ใช่เส้นทางการเงินทั้งหมด โดยนางบุญยิ่ง ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบทั้งหมด ทั้งคนในครอบครัว ทั้งที่มีและไม่มีเส้นทางการเงิน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐที่เป็นตัวแทนมาหนึ่งคนก็ยืนยันกับ กมธ.ว่าจะไม่มีการอุ้ม เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่มีคลิปใหม่ๆ และโยนกันไปมา ไม่เกิดผลดีกับฝ่ายใด หลังจากนี้เราจะทำความจริงให้ปรากฏ เรากัดไม่ปล่อย เพราะเป็นการทำร้ายองค์กรสภาให้เสียหาย ขณะที่ดีเอสไอก็รับปากในสิ่งที่เราติติง โดยจะเคลียร์และชี้แจงกับสื่อ จึงขอให้รอดูไปก่อน หากไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น และมีข้อสงสัยเราก็จะดำเนินการผ่านกลไกของรัฐสภา  เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อไป

“คนเอามาก็คงไม่รู้​ ว่ามันจะ… ขนาดนี้​  แต่หลังจากนี้ เราจะเอาความจริงเล่นกัดไม่ปล่อย เพราะมันเป็นการทำร้ายองค์กร” นายไผ่ กล่าว

นายไผ่ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เรายังหารือถึงเรื่องที่มีการนำพยานปลอมมา กมธ.ฯ ก็ย้ำว่าให้ดำเนินการให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะสาวถึงใคร โดยฝากกับตำรวจและดีเอสไอ เพราะเป็นพยานที่ทำให้คดีเสียหาย ซึ่งทุกพรรคที่อยู่ในกมธ.ฯ มีความเห็นพ้องต้องกันว่าจะไม่ปกป้องคนผิด เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซง และให้ผลประโยชน์กลับคืนไปถึงประชาชนที่ได้รับความเสียหาย

เมื่อถามต่อว่ากมธ.ฯ จะเชิญนักการเมือง ส. มาชี้แจงหรือไม่อย่างไร นายไผ่ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ได้พูดถึง เพราะมันพูดไม่ได้ รอให้ขั้นตอนมันเดินไปถึงจุดนั้นก่อน โดยประธาน กมธ.ยังสำทับไปกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่าทำไมคดีอื่นคืบหน้าเร็ว แต่คดีนี้ล่าช้า แม้กระทั่งตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องยังระบุชื่อไม่ได้ และต้องใช้อักษรย่อนั้น เป็นเพราะอะไร ตัวแทนตำรวจที่มาชี้แจงวันนี้คือกลุ่มงานที่ทำคดีดิไอคอน ไม่ได้ทำคดีที่เกี่ยวกับบุคคล ส. แต่ถ้าคดีนี้ยังไม่คืบ ตนจะร้องเรื่องนี้เอง และขอให้นางบุญยิ่งนำเรื่องคดีนักการเมือง ส. เข้ามาพิจารณา เพื่อความชัดเจน

ด้านนางบุญยิ่ง กล่าวด้วยว่า วันนี้ สตช. ได้นำเส้นทางการเงินของนาย ส. มาให้ดู ว่ามีทรัพย์สินอย่างไรบ้าง มีเงินเข้าเงินออกอย่างไร ซึ่งเอกสารยืนยันจากธนาคารต้องรอหลายวัน แต่ตัวแทน สตช. ดีเอสไอ และ สตง. รับปากว่าจะร่วมกันเร่งทำงานเพื่อให้สังคมคลายความกังวล ส่วนกรณีที่มีการเอาพยานปลอมเข้ามานั้น เรามองว่าเป็นการทำให้สังคมและตำรวจสับสน เรามองเห็นชัดแล้วว่าพาดพิงถึงใครดีเอสไอต้องดำเนินการตรงนั้นก่อน

ขณะที่นายไผ่​ กล่าวทิ้งท้าย​ว่า​ การอ้างอักษรย่อเป็นเรื่องเลอะเทอะ​.