เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ พรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการประชุมร่วม 2 สภา เพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ว่านัดครั้งต่อไปคือวันที่ 6 พฤศจิกายน และจะนัดประชุมกันทุกพุธ ซึ่งยังไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่จะใช้ช่วงเวลาปิดสมัยประชุมให้ได้มากที่สุด เรามองว่าหากทำเสร็จตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะสภาไม่เปิดสมัยวิสามัญ จึงต้องใช้เวลาให้เป็นประโยชน์และศึกษาให้ชัดเจน และกรรมาธิการของทั้งสองฝ่ายมีความเห็นเป็นอย่างไร และ จะออกมาในรูปแบบไหนเพราะอีกฝ่ายหนึ่งก็กลัวว่าถ้าใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจะไม่ผ่านเพราะประชาชนจะออกมาใช้สิทธิกันน้อย แต่อีกฝ่ายก็มีความเห็นว่า เป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ จึงควรกลับไปใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น เฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการประชุม 4-5 ครั้ง ก่อนที่สภาจะเปิดสมัยสามัญ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบ ยังไงก็ไม่ทันที่จะทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วงต้นปี 68 อยู่แล้ว
“รัฐบาลจะต้องไปกำหนดวันทำประชามติเองออกค่าใช้จ่ายเองดำเนินการเองทั้งสิ้นจะไปพ่วงกับอย่างอื่นไม่ได้ เพราะเวลาไม่ทัน” นายนิกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาก็ควรจะทำให้ทันก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญ เมื่อได้ข้อสรุปของกรรมาธิการร่วมกันแล้วก็ต้องนำเข้าที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎร และส่งต่อไปยังวุฒิสภาอีกครั้ง แต่ถ้าไม่เห็นชอบสภาใดสภาหนึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะถูกล็อก 180 วัน และเมื่อครบ 180 วัน สภาผู้แทนราษฎรจะเอา พ.ร.บ.ของตนเองมาใช้ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านที่ประชุมของวุฒิสภา ซึ่งตนก็เป็นกังวลว่าจะเป็นปัญหา เพราะไม่อยากให้มีปัญหา ควรจะคุยกันให้ได้มากที่สุดโดยใช้เวลาตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด
นายนิกร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คงเกิดขึ้นไม่ทันในสมัยรัฐบาลนี้ เมื่อรวมเวลาแล้วอย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ทันในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะมีการทำประชามติพ่วงไปด้วย ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะถ้าให้ทันกับรัฐบาลชุดนี้จะต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อใช้ในช่วงเดือนเมษายนปี 70 แต่การเลือกตั้งทั่วไปก็จะต้องมีกฎหมายลูกอีก ดังนั้นการเลือกตั้งทั่วไปยังไงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่ทัน และการเลือกตั้งทั่วไป ยังไงก็ต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแน่นอน เพราะจะเร่งยังไงก็คงเร่งไม่ทัน