เมื่อวันที่ 30 ต.ค. พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี รับรายงานคดีที่น่าสนใจ จาก พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผกก.สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ว่าเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นายพัลลภ มีเพียร นิติกรชำนาญการ เทศบาลนครเกาะสมุย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ให้ดำเนินคดีกับบริษัทเจ้าของอาคารวิลล่า พื้นที่หมู่ 3 ต.มะเร็ต และทนายความของบริษัท ฐานขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ในการเข้ารื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 29 ต.ค. นายพัลลภ มีเพียร นิติกรชำนาญการ เทศบาลนครเกาะสมุย พร้อมด้วย นายสุริยา ศึกชะชาติ วิศวกรโยธาชำนาญการ ในฐานะนายตรวจตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งรับมอบอำนาจจาก นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีอาญากับเจ้าของโครงการและทนายความผู้รับมอบอำนาจ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องหากพบว่าได้ร่วมกันกระทำผิด ที่ได้ร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ในการเข้ารื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างของบริษัท เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2567
นายพัลลภ แจ้งว่า เมื่อวันเวลาที่เกิดเหตุ ผู้แจ้ง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นนิติกรชำนาญการ รับมอบอำนาจจากเทศบาลนครเกาะสมุย โดยนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 เข้าดำเนินการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างของโครงการดังกล่าว จำนวน 11 หลัง โดยมี ร.ต.ต.พงศกร มีพันธุ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน, พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดปฏิบัติการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐและทำลายทรัพยากรธรรมชาติ กอ.รมน.ภาค 4 พร้อมคณะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรบ่อผุดเข้าร่วม แต่ปรากฏว่า ไม่สามารถเข้าดำเนินการรื้อถอนอาคารตามอำนาจหน้าที่ได้ เนื่องด้วย บริษัทฯ ได้ใช้สังกะสี ล็อกกุญแจปิดกั้นประตูทางเข้ากลุ่มอาคารที่จะเข้าทำการรื้อถอนพร้อมปิดป้ายที่ดินส่วนบุคคลห้ามบุกรุก และมีทนายความ แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อ้างว่าได้รับมอบจากบริษัทห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รุกล้ำเข้าไปเพื่อรื้อถอนอาคารตามอำนาจ การกระทำดังกล่าวของบริษัท และทนายความ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 ฐาน ขัดขวางการปฏิบัติงานเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ทั้งนี้นายพัลลภได้ส่งมอบคลิปวิดีโอขณะเข้าปฏิบัติการรื้อถอนเพื่อเป็นหลักฐาน ต่อพนักงานสอบสวน
ทางด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในคดีนี้พนักงานสอบสวนได้รับเป็นคดีอาญาที่ 760/2567 ข้อหาร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 อยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำผู้กล่าวหา, พยาน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับโครงการดังกล่าว ซึ่งเทศบาลนครเกาะสมุยได้ใช้อำนาจเจ้าพนักงานเข้ารื้อถอนอาคารแต่ไม่สำเร็จจนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีนั้น จากการตรวจสอบพบว่า โครงการดังกล่าวเทศบาลนครเกาะสมุย มีคำสั่งรื้อถอนอาคาร ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2561 หลังมีผู้ร้องเรียนไปยังสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินและกอ.รมน.ภาค 4 ว่ามีการก่อสร้างที่ผิดกฎหมายจนนำไปสู่การตรวจสอบ ภายหลังผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการ พบว่า โครงการดังกล่าว ได้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารในพื้นที่สีเหลือง 1.14 (เดิม) และพื้นที่สีเหลือง 1.15 (เดิม) บริเวณที่ 3 (1) และบริเวณที่ 3 (2) ในโฉนดที่ดินเลขที่ 36528 ม.3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ขออนุญาตก่อสร้างแบ่งเป็น 9 ใบตรวจสอบอาคารมีความผิดในเรื่อง การก่อสร้างเป็นอาคารติดกันรวมเป็นหลังเดียวโดยไม่มีระยะถอยร่นระหว่างอาคารที่ขออนุญาต อาคารมีความสูงเกิน 6 เมตร และพื้นที่ของหลังคาเป็น SLAB เกินร้อยละ 20 ซึ่งเป็นการก่อสร้างผิดไปจากที่อนุญาต เป็นการกระทำความผิดมาตรา 40 แห่งพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จึงออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างดัดแปลง เคลื่อนย้ายอาคารตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง (แบบ ค.5) คำสั่งห้ามใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตรายตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง (แบบ ค.6) และคำสั่งให้ดำเนินการแก้ไขและให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตก่อสร้างตามมาตรา 43 วรรคหนึ่ง (แบบ ค.12) แต่นับตั้งแต่ เทศบาลได้ออกคำสั่ง ตั้งแต่ ปี 2561 ปรากฏว่าบริษัทเจ้าของโครงการไม่ได้มีการแก้ไขอาคาร หรือยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และยังมีการก่อสร้างเพิ่มเติม มาจนถึงปัจจุบันแล้วเสร็จจำนวน 34 หลัง
การเข้าบังคับใช้กฎหมายรื้อถอนอาคารเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 เทศบาลนครเกาะสมุย ได้ใช้อำนาจ ตาม มาตรา 43(2) พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ต่อผู้ฝ่าฝืน เพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นสามารถใช้มาตรการบังคับทางปกครองเข้าดำเนินการรื้อถอนอาคารตามความในมาตรา 42 และมาตรา 43 วรรคสาม โดยไม่ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรา 43(1) พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แต่กลับมีทนายความเข้าขัดขวางจนนำไปสู่การแจ้งความเพื่อดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ พล.ต.ต.เสริมพันธ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่าน สภ.บ่อผุด ได้รับการแจ้งความร้องทุกข์จากเทศบาลนครเกาะสมุยให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในโครงการก่อสร้างอาคารของบริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่หมู่ 3 ต.บ่อผุด ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างวิลล่าขนาดใหญ่บนเนื้อที่ 10 ไร่เศษ ปัจจุบันก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จ จำนวน 19 หลัง ภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด รับแจ้งคดีและการสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก และพฤติการณ์แห่งความผิดมีความสลับซับซ้อน ตนจึงได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 มี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้า เข้าดำเนินการสืบสวนสอบสวนปัจจุบันคดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยคณะพนักงานฯ รับคำร้องทุกข์ดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ จำนวน 11 คดี สามารถแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาแล้ว จำนวน 8 คดี ส่วนอีก 3 คดี อยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี และขยายผลถึงการกระทำความผิดฐานอื่น