ตามที่สมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทยกว่า 100 คน ได้ปักหลักบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอพบ พล.ต.อ.เพิ่มพูน  ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ  พร้อมประกาศแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แจ้งเรื่องการจัดสรรอัตราการปฏิบัติงานให้ราชการ ปีงบประมาณ 2568 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจ้างงานผู้ปฏิบัติงานให้กับสพฐ. โดยถูกเปลี่ยนเป็น ‘การจ้างเหมาบริการ’ และ ‘ตัดเงินสมทบประกันสังคม’  โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างกว่า 70,000 คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะสวัสดิการด้านสุขภาพ การคลอดบุตร และการรับเงินบำเหน็จบำนาญในวัยเกษียณนั้น

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า   ข้อเรียกร้องสมาพันธ์เจ้าหน้าที่ธุรการโรงเรียนแห่งประเทศไทยนั้น คือ  ขอเปลี่ยนจากการจ้างเหมาบริการ เป็นวิธีการจ้างลูกจ้างชั่วคราว พร้อมเงินสมทบประกันสังคม ทุกตำแหน่ง ซึ่งในประเด็นนี้ตนได้ทำหนังสือแจ้งขอความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลอเรือน (ก.พ.) ก่อน ซึ่งหากก.พ.มีหนังสือแจ้งตอบกลับมาว่าเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าวก็จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทำเรื่องการขอเงิน และจัดสิทธิประกันสังคมให้ต่อไป ส่วนเรื่องการขอปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนตามนโยบายรัฐบาลที่ปรับฐานเงินเดือนตามคุณวุฒิก็ถือเป็นนโยบายรัฐบาลอยู่แล้วที่จะปรับเงินเดือนให้เท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งสพฐ.ก็จะทำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาด้วยเช่นกัน

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นเงินสมทบประกันสังคมของกลุ่มลูกจ้างฯที่ขาดไปนั้น ขณะนี้สำนักงบประมาณได้จัดสรรเงินมาให้ แต่เป็นเงินนค่าจ้างเหมาบริการอย่างเดียวตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง เพราะถ้าเราไปจ่ายเป็นเงินสมทบประกันสังคมอาจมีความผิดได้ ดังนั้นเมื่อเปลี่ยนวิธีการจ้างก็คงต้องหารือกับสำนักงานประกันสังคมต่อไป แต่ตอนนี้เนื่องจากสำนักงบประมาณจัดงบมาให้ตามระเบียบของกรมบัญชีกลางที่ระบุว่า ลูกจ้างคือกลุ่มจ้างเหมาบริการจึงไม่สามารถจ่ายเงินประกันสังคมได้ ซึ่งสพฐ.จึงต้องแจ้งเขตพื้นที่ให้รับทราบว่าเงินที่ได้รับการจัดสรรมาให้จ่ายเฉพาะเงินค่าจ้างเพียงอย่างเดียว