จู่ๆ ก็กลายเป็นประเด็นร้อนแรงอีกครั้งสำหรับ “หนุ่ม ศรราม” กับอดีตภรรยา “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” หรือ “กุ้งพลอย กนิษฐรินทร์” ที่หลังเลิกรากันไปนั้น ทั้งคู่ได้มีการตกลงถึงสิทธิในการเลี้ยงดู น้องวีจิ ลูกสาว แต่ล่าสุดทางด้านกุ้งพลอยได้ยื่นฟ้อง หนุ่ม ศรราม ข้อหา กีดกันไม่ให้พบบุตร ซึ่งเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้นัดเข้ามาไกล่เกลี่ยที่ศาลเยาวชนและครอบครัว แต่สุดท้ายดูเหมือนจะหาข้อยุติตกลงร่วมกันไม่ได้ โดยทางหนุ่มได้เปิดใจกับ อีจันบันเทิง ถึงกรณีนี้ว่า


“วันนี้ไปขึ้นศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมาครับ เพราะว่าถูกฝ่ายคุณติ๊กฟ้องผม ในข้อหาที่ว่าผมกีดกันไม่ให้พบลูก ถามว่าได้คุยกันมาก่อนไหม ไม่ได้คุยครับเพราะว่าตัวผมเองก็ดูแลวีจิ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำงาน แล้วพี่เขยก็เพิ่งเสีย เมื่อคืนนี้ ก็วุ่นวายเรื่องของงานศพอยู่ ไม่คิดว่าเขาจะฟ้อง เพราะว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย พอเห็นหมายศาลมาที่บ้าน ก็รู้เลยว่าต้องต่อสู้ เพราะสิ่งที่ถูกกล่าวหามันไม่เป็นความจริง ถ้าคุณติ๊กฟ้องผมในข้อหาที่ผมกีดกันไม่ให้พบลูก คุณติ๊กก็ต้องขอให้ผม ให้เวลาเอาวีจิมาพบ ถูกไหมครับ แต่สิ่งที่คุณติ๊กขอ กลับขอในส่วนของอำนาจปกครอง ซึ่งเป็นหน้าที่ของผม แต่ละคนทำหน้าที่ของแต่ละคน เราได้ทำบันทึกหลังใบหย่าไว้แล้ว ว่าหน้าที่ของการดูแล วีจิ อยู่ในอำนาจการปกครองของผมแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายเลี้ยงดู การศึกษา การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือทุกอย่างที่อยู่ในชีวิตวีจิ อยู่ในหน้าที่ของผมคนเดียว คุณติ๊กมีหน้าที่แค่มาพบลูก โดยที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว เมื่อเป็นแบบนี้หน้าที่ของแต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว แต่คุณติ๊กฟ้องผมว่าผมกีดกันไม่ให้พบลูก ซึ่งผมไม่ได้ทำ แต่กลับมาขอศาลในข้อที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกีดกัน คือขอให้ วีจิ ไปอยู่กับเขาทุกเย็นวันศุกร์ และวันจันทร์เขาจะไปส่งที่โรงเรียน ข้อ 2 คือทุกปิดเทอมหรือทุกวันหยุดเทศกาลต่างๆ ให้ไปอยู่กับเขา ข้อ 3 คือเมื่อ วีจิ ไม่สบาย เขาต้องเป็นคนดูแล ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้อยู่ในอำนาจการปกครองของผม ซึ่งผมไม่ให้ แล้วผมก็พร้อมที่จะต่อสู้ด้วย ซึ่งผมก็ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงครับ เพราะว่าผมไม่เคยกีดกัน ที่จะให้คุณติ๊กพบลูก หรือจะโทรฯมาหรือวิดีโอคอลหาลูก ซึ่งผมก็เรียนตามความเป็นจริงว่า คุณติ๊กกลับไม่ใช้เวลาที่คุณติ๊กจะมาพบลูก แต่คุณติ๊กกลับเอาเวลาเหล่านั้นไปทำคอนเทนต์ ทำคลิปวิดีโอ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล สถานที่ต่างๆ เพื่อทำให้สังคมเข้าใจผมผิดว่าผมไปทำลายจิตใจเขา ไปกีดกันไม่ให้เขาพบลูก ทั้งๆ ที่ผมอยากจะบอกว่าน่าจะเอาเวลาตรงนั้น มาพบลูก ไม่ควรจะไปสร้างกระแสหรือไลฟ์สดต่อว่าผม เมื่อไม่ถูกใจไม่พอใจก็จะต่อว่าด้วยการไลฟ์สดทำให้เกิดเป็นประเด็นอย่างที่ผ่านมาในทุกๆ ครั้ง จน กระทั่งต้นปีที่ผ่านมา มันหนักข้อมากขึ้นครับ เพราะคุณแม่ผมเสีย ก็มาบอกว่าคุณแม่ผมไปสัญญาว่าจะให้เขากลับมาทำภารกิจอะไรเพื่อมาดูแลผมกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ข้อ 2 ไปโรงเรียนของ วีจิ ในเวลาที่ วีจิ เรียนหนังสือ ซึ่งไม่ได้อยู่ในหน้าที่ของคุณติ๊ก ไปโรงเรียนสอนพิเศษวีจิ ไปโรงเรียนสอนว่ายน้ำลงไปว่ายน้ำกับลูก ทั้งๆที่ วีจิ เรียนคนเดียวได้แล้ว กับคุณครูไม่ต้องมีว่ายกับผู้ปกครองแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือทำให้ วีจิ เสียสมาธิ เกิดความสับสน และที่สำคัญคือเวลาไป ไม่ได้ไปเพื่อจะไปหาลูก แต่กลับไปกับที่ปรึกษาทางกฎหมาย ไปกับทนายความ ไปกับคนอื่นเพื่อไปถ่ายรูป ไปถ่ายวิดีโอสร้างความลำบากใจให้กับเจ้าของสถานที่ ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามันไม่สมควร ต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ถูกกำหนดอยู่แล้วก็ทำตามหน้าที่ นี่คือสิ่งที่ผมให้การกับทางเจ้าหน้าที่ครับ (ที่ผ่านมาเขาสามารถติดต่อกับ วีจิ ได้เสมอ?) ถูกต้องครับ หรือถ้าติดต่อไม่ได้จะเป็นกรณีเดียวคือด้วยภารกิจของวีจิ เช่น วีจิ เรียนพิเศษ เราขอเขยิบไปเป็นวันจันทร์ได้ไหม ผมก็จะบอกแบบนี้ หรือว่าเวลานี้เขาขอเล่น เขาโตแล้ว ก็หมายความว่าเขาขอขี่มอเตอร์ไซค์ในหมู่บ้านก่อน ถ้าโทรฯมาตอนนี้อาจจะยังไม่ได้ เดี๋ยวโทรฯกลับไปได้ไหม ก็จะเป็นลักษณะนี้ แต่ไม่ได้มีการติดต่อจากคุณติ๊กมา มีแต่การทำคอนเทนต์แล้วออกมาโจมตี ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับตัวผมมาโดยตลอด ซึ่งในระยะแรกๆ มันก็มีรายการโทรทัศน์ที่เชิญไปออก แต่ผมก็รู้สึกว่าผมต้องออกไปตอบคำถามเรื่องนี้เรื่องเดียวเรื่องเดิมตลอดเวลา แล้วมาฟ้องผมแบบนี้อีก ผมก็ต้องบอกว่าเมื่อผมไม่ได้ผิดผมก็ต้องพร้อมที่จะต่อสู้”

“ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะจบยังไง แต่ผมแค่ทำหน้าที่ ณ วันนี้ ตามข้อเท็จจริงนะครับ ก็คือว่าได้เรียนศาลด้วยความเคารพ ด้วยข้อมูลที่แท้จริง เป็นการปฏิบัติจริงว่าสิ่งที่ผมดูแลวีจิ อำนาจการปกครอง หน้าที่ของแต่ละคนเป็นยังไง ผมไม่ได้บกพร่องในสิ่งที่ผมเป็น ผมก็บอกว่าผมไม่ได้บกพร่องครับ เราใช้ชีวิตกันตามปกติพ่อลูก อย่างที่คุณติ๊กมาโพสต์ว่าจะไล่แม่ ด้วยการเล่นเว็บพนันออนไลน์ แล้วพี่เลี้ยง ดันเล่นการพนันออนไลน์ อันนี้ ผมก็ต้องขออนุญาตเรียนว่าพี่เลี้ยงของ วีจิ คือพี่อ้อยอยู่ในการดูแลของผม พี่อ้อยเนี่ยทำงานให้ผมมาปีนี้ปีที่ 4 แล้ว อยู่ในความดูแล อยู่ในสายตาของผมตลอดเวลา ถามว่าแกซื้อลอตเตอรี่ไหม แกก็ซื้อตามปกติ แล้วเวลาที่ผมทำงานพี่อ้อยก็ดูแลอย่างดี ไม่ได้มีอะไรที่บกพร่อง ส่วนในเรื่องของการที่ดูแลบ้าน ในหน้าที่ตรงนั้นผมก็ดูแล้ว พี่อ้อยก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรกับผม บางทีผมไปถ่ายงานต่างจังหวัด หรือไปเล่นคอนเสิร์ต วางข้าวของทิ้งไว้เงินทองทิ้งไว้ วางบัตร ATM ทิ้งไว้ ก็ไม่เคยหาย ก็วางอยู่ที่เดิม ทรัพย์สินทุกอย่างก็อยู่คงเดิม อันนี้ก็คือเรื่องที่อยากจะชี้แจง
(เขาบอกว่าพี่อ้อยให้น้องเรียกเขาคล้ายๆ เป็นการแทนคุณแม่?) เป็นไปไม่ได้ครับถ้าพี่อ้อยทำอย่างนั้น ผมเองต้องเป็นคนที่จัดการพี่อ้อยก่อนคนแรก เพราะว่ามันไม่เหมาะสมในการทำแบบนี้ แล้วถ้าผมเห็นแล้วรู้ว่า วีจิ เป็นแบบนี้ผมก็ต้องเตือน วีจิ ด้วย แต่ถ้าดูแล้วว่ามันเป็นการเล่นกัน เหมือนกับเล่นกันกับเพื่อนแล้วอยู่ในสายตาเราอันนั้นโอเค เหมือนเล่นกันว่าเธอเป็นแม่นะ ฉันเป็นหมอนะ เหมือนเล่นกับเพื่อนที่โรงเรียน เป็นลักษณะการเล่นกันกิจกรรมของเด็กๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการใช้สรรพนามแบบนี้กับพี่อ้อยที่เป็นพี่เลี้ยง ถ้าเป็นแบบที่เขาว่าผมต้องตำหนิผมต้องจัดการ เพราะพี่อ้อยอยู่ในสายตาของผม และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมต้องขออนุญาตเรียนก็คือว่าวันนี้ผม มีโอกาสพูดผมก็อยากจะบอกให้ทราบว่าบางทีผมลงอินสตาแกรมผมก็ลงแต่รูป วีจิ ลงให้เห็นพัฒนาการของเขา ตอนเด็กๆ เขาเป็นยังไง แต่หากถ้าเกิดว่าท่านใดมาแสดงความคิดเห็น ด้วยคำพูดหรืออะไรก็ตามที่มันไม่สุภาพ ที่ผ่านมาไม่เป็นไร แต่วันนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหรือใครก็ตามที่พูดถึงผมในพื้นที่ของผม คนที่อยู่ในความดูแลของผม ผมขอมอบอำนาจให้กับที่ปรึกษาทางกฎหมายดำเนินคดีครับต้องบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นมันอยู่ในข้อตกลงของ การเซ็นหลังใบหย่า ผมไม่ได้มีหน้าที่ไปดูแลความรู้สึกคุณติ๊ก ผมมีหน้าที่อย่างเดียวในชีวิตของผม คือดูแลชีวิตของวีจิ สนับสนุนเรื่องของการดำเนินชีวิต วิธีคิด การศึกษา ให้ วีจิ ดีที่สุด เท่าที่กำลังของผมจะทำได้นี่คือหน้าที่ของผม หน้าที่อื่นไม่ใช่หน้าที่ผมครับ”

หนุ่ม ศรราม เผยทิ้งท้ายว่า “ถามว่ากลัวไหมว่าข่าวที่ผ่านมาอาจจะทำร้ายจิตใจน้อง ผมว่าเขาโตแล้วครับ สิ่งที่ผมพูด ผมอธิบายด้วยความระมัดระวัง ทุกครั้ง ทุกครั้งที่ผมพูดก็จะนึกถึงลูกเป็นหลักอยู่แล้วก็เข้าใจครับว่าบางคนเพิ่งมากดติดตามอาจจะยังไม่รู้เรื่องอะไร ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ 1 2 3 4 เป็นยังไงผลลัพธ์มันถึงออกมาเป็นแบบทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น ขอให้ทำความเข้าใจทางเราด้วย ผมเข้าใจว่าน้อยคนน้อยเคสที่จะเกิดแบบผม คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็จะมีน้อย ก็ขอให้ทำความเข้าใจด้วยว่า ผมก็เป็นผู้ชายคนนึง ที่ทำหน้าที่พ่อและแม่ในตัวเอง เป็นระยะเวลา 4-5 ปีและต้องทำต่อไปทั้งชีวิตครับ”

ขอบคุณภาพประกอบจาก: sornram_theappitak, mama.veeji