สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่าผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่นชุดใหม่ทั้ง 465 ที่นั่ง โดยมีการลงคะแนนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนด หลังนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ปรากฏว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย ( แอลดีพี ) ได้รับการเลือกตั้ง 186 ที่นั่ง เมื่อรวมกับพรรคโคเมอิโตะซึ่งเป็นพันธมิตรอีก 22 ที่นั่ง ทั้งสองพรรคมีที่นั่งรวมกันอย่างน้อย 208 ที่นั่ง น้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของการครองเสียงข้างมาก คือ 233 ที่นั่ง


ขณะที่พันธมิตรฝ่ายค้าน นำโดยพรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น ( ซีดีพี ) ของอดีตนายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ ได้รับการเลือกตั้งรวมกันอย่างน้อย 235 ที่นั่ง ในจำนวนนี้อย่างน้อย 143 ที่นั่งเป็นของพรรคซีดีพี

นายโยชิฮิโกะ โนดะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการแถลงที่สำนักงานพรรคพรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น ( ซีดีพี ) ในกรุงโตเกียว


แม้ยังคงเหลืออีก 22 ที่นั่ง ซึ่งรอการประกาศผล แต่ต่อให้ทุกที่นั่งเป็นของฝ่ายรัฐบาล จำนวนที่นั่งซึ่งจะเพิ่มขึ้น ยังไม่เพียงพอให้ครองเสียงข้างมากในสภาอยู่ดี ยิ่งเพิ่มแรงกดดันอย่างหนักให้กับอิชิบะ ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา และให้คำมั่นเดินหน้านโยบายป้องกันประเทศเป็นหลัก ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและเรื่องปากท้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประกอบการตัดสินใจลงคะแนนของประชาชน และกรณีอื้อฉาวเรื่องการระดมทุนภายในพรรคแอลดีพี ที่สั่นคลอนภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาล


ทั้งนี้ อิชิบะกล่าวถึงผลการเลือกตั้งที่ออกมา ซึ่งเลวร้ายที่สุดในรอบ 15 ปีสำหรับพรรคแอลดีพี และลดฮวบจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2564 ซึ่งตอนนั้นพรรคแอลดีพีสามารถครองเสียงข้างมากได้พรคเดียว 259 ที่นั่ง ว่า “ชาวญี่ปุ่นตัดสินแล้ว และแน่นอนว่าประชาชนคาดหวัง ให้พรรคแอลดีพีปฏิบัติตามนั้น” พร้อมทั้งยอมรับว่า “โดยหลักการ” ถือว่ารัฐบาลพรรคแอลดีพีและพรรคโคเมอิโตะ “ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้”


ด้านบรรดานักวิเคราะห์มองว่า การที่ฝ่ายค้านปรับกลยุทธ์ ด้วยการให้โนดะขึ้นมาเป็นผู้นำ และเจ้าตัวมีจุดยืนพื้นฐานหลายเรื่องคล้ายคลึงกับพรรคแอลดีพี ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยมองว่า อดีตผู้นำญี่ปุ่นคนนี้ “คือทางเลือกที่ดีในเวลานี้” ท่ามกลางปัญหามากมายที่พรรคแอลดีพียังไม่สามารถแก้ไขได้.

เครดิตภาพ : AFP