สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า ผู้นำสหรัฐกล่าวขอโทษ ต่อตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ จากชุมชนอินเดียน เผ่ากิลาริเวอร์ ระหว่างการเยือนหมู่บ้านลาวีน ในรัฐแอริโซนา กรณีระบบโรงเรียนประจำสำหรับชนพื้นเมืองของรัฐบาลกลาง ซึ่งเปิดทำการระหว่างปี 2362-2513

โรงเรียนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อ “กลืนวัฒนธรรม” ของเด็กชาวพื้นเมือง โดยบังคับให้พวกเขาต้องซึมซับวัฒนธรรมของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรป รวมถึงการนับถือศาสนาคริสต์ ขณะนั้น เด็กจำนวนมากถูกล่วงละเมิดทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีรายงานเด็กเสียชีวิตเกือบ 1,000 ราย หลายฝ่ายคาดว่า อาจมีจำนวนสูงกว่านี้มาก “ในความเป็นจริง”

“ผมขอโทษอย่างเป็นทางการ ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ” ไบเดนกล่าว พร้อมเสริมว่า ระบบโรงเรียนดังกล่าวที่ดำเนินการมาประมาณ 150 ปีนั้น ถือเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์เลวร้ายที่สุดของประเทศ และเป็นตราบาปในจิตใจของอเมริกันชน

ไบเดนร่วมพูดคุยกับนางเด็บบ์ ฮาแลนด์ รมว.มหาดไทยสหรัฐ นักการเมืองชาติพันธุ์คนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เธอกล่าวกับไบเดนด้วยน้ำเสียงต่อต้านว่า “ปู่และย่าของเธอถูกลักพาตัวไปจากชุมชน และบังคับให้อยู่ในโรงเรียนคาทอลิก” เธอย้ำว่า รัฐบาลไม่อาจทำลายภาษา, ประเพณี และวิถีชีวิตของชนพื้นเมืองได้ “ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์มากมายขึ้น เราจะยังคงอยู่ที่นี่!” เธอกล่าว

อนึ่ง รัฐบาลของไบเดนลงทุนมหาศาล เพื่อพัฒนาและส่งเสริมชนพื้นเมืองอเมริกัน ผ่านการขยายอำนาจปกครองตนเองของชนเผ่า, สั่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการปราบปรามความรุนแรงทางเพศ, การกำหนดอนุสรณ์สถาน เพื่อปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ และอื่น ๆ

ในอดีต สหรัฐมีโรงเรียนประจำมากกว่า 400 แห่ง ใน 37 รัฐหรือดินแดน และส่วนใหญ่ดำเนินการโดยคริสตจักร ขณะนั้น บุตรหลานชนพื้นเมืองถูกจับกุมจากหน่วยงานกลาง ภายใต้นโยบายที่นักเคลื่อนไหวเรียกว่า “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทางวัฒนธรรม” เพื่อสร้างอารยธรรม ซึ่งก่อให้เกิดวลี “ฆ่าความเป็นอินเดียน แล้วเหลือมนุษย์เอาไว้” (Kill the Indian, Save the Man) ที่มีการประณามว่าเป็นการปลุกระดม ให้เกิดการกวาดล้างวัฒนธรรมชาวอินเดียน.

เครดิตภาพ : AFP