สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า ราคาซื้อขายเนยของยุโรปในตลาดโลกอยู่ที่ 8,706 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ราว 293,043.89 บาท) เมื่อช่วงสิ้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 83% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว


ด้านบรรดาผู้สันทัดกรณีเชื่อมโยงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กับผลผลิตนมทั่วโลกซึ่งลดต่ำลงเมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะในยุโรป สหรัฐ และนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกนมและเนยรายใหญ่ที่สุดของโลก และเกษตรกรในประเทศกำลังเผชิญกับภาวะตึงเครียดเรื่องค่าครองชีพ


แม้ผลผลิตนมทั่วโลกกลับมาเพิ่มขึ้นบ้างในปีนี้ แต่สถานการณ์ในภาพรวมยังถือว่า “ตึงตัว” เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้ผลิตนมจัดสรรนมไปใช้กับผลิตภัณฑ์อื่น ซึ่งสามารถแข่งขันในตลาดได้มากกว่า อาทิ ชีส แทนการผลิตเนย


ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐเผยแพร่รายงานในเดือนนี้ คาดการณ์ราคาเนยในประเทศจะอยู่ที่ราวปอนด์ละ 3 ดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ (ราว 100.98 บาท) เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว เนื่องจากประชากรวัวในประเทศลดลง และสัตว์ชนิดอื่นที่ผลิตนมได้ กลับผลิตนมลดลงในปีนี้


ส่วนราคาขายส่งเนยในฝรั่งเศสอยู่ที่ตันละ 8,180 ยูโร (ราว 297,220.30 บาท) เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจาก 4,260 ยูโรต่อตัน (ราว 89,384.10 บาท) เมื่อช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว.

เครดิตภาพ : AFP