เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ ศึกษาแนวทางการตรา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์กรณี สภาไม่รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า รายงานดังกล่าวถือว่าได้รายงานต่อสภาเรียบร้อยแล้ว คณะกรรมาธิการถือว่าทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว รายงานฉบับนี้อยู่ในสภา องค์กรใดเห็นว่าเป็นประโยชน์สามารถไปศึกษาได้

เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับสส.พรรคเพื่อไทยที่ขัดมติพรรค ไม่เห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงเช้าวันที่ 24 ต.ค. ส่วนใหญ่เห็นว่าต้องรับรายงานและข้อสังเกต แต่มีบางคนไม่สบายใจ ที่ประชุมจึงขอสงวนไว้ ตนก็บอกว่าแล้วแต่ให้การลงมติเป็นเอกสิทธิ์ เราก็ไม่ว่าอะไร ยืนยันว่าในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ไม่มีมติพรรคในเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องของเอกสิทธิ์

เมื่อถามว่าในฐานประธานคณะกรรมาธิการ รู้สึกเสียหน้าหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงพูดอย่างนั้นไม่ได้ ตนบอกในที่ประชุมว่าญัตตินี้เป็นของพรรคเพื่อไทย ตนเป็นประธานทำรายงานเอง ถ้าจะให้ตนไม่รับมันก็ไม่ได้ ทั้งนี้ยังดีใจคณะกรรมาธิการที่ร่วมทำกันมาผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนก็รับรายงาน

เมื่อถามอีกว่าการโหวตของพรรคเพื่อไทยไม่รับข้อสังเกตจำนวนมากจะเสียมวลชนหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าส่วนหนึ่งเราไม่ได้ปฏิเสธรายงาน บางส่วนไม่รับรายงานเลย เมื่อวาน (24 ต.ค.) ก็รับรายงาน เพียงแต่ไม่รับข้อสังเกต การไม่รับข้อสังเกตก็หมายความว่าไม่ส่งไปให้หน่วยงานอื่นดำเนินการแค่นั้นเอง

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หลายคนไปฟังกระแสคล้ายๆ ไปตีความกับว่าคนที่เห็นชอบกับข้อสังเกต คือคนที่จะแก้หรือคนที่จะนิรโทษก็ปล่อยกันไปทำนองนี้จึงรู้สึกวิตกกังวล ยืนยันว่ามันไม่ใช่ เป็นแต่เรียงรายงานการศึกษาไม่เกี่ยวกับแก้โน่นแก้นี่ แต่เนื่องจากกระแสออกไปทำนองนั้น

เมื่อถามว่าถือเป็นการปิดประตูเรื่องนิรโทษกรรมหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะขณะนี้มีร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม 4 ร่าง เป็นของพรรคการเมือง 3 พรรค ของภาคประชาชน 1 ร่าง จ่อเข้าสู่การประชุมสภาในสมัยประชุมหน้าที่จะเปิดวันที่ 12 ธ.ค. คงต้องไปถกเถียงกันว่าสุดท้ายจะเอาอย่างไร เปิดสมัยประชุมสภา สื่อคงได้ทำข่าวกันอีกมากพอสมควร อันนี้แหละคือร่างจริงๆ แล้ว

เมื่อถามว่าจากนี้จะเข็ดขยาดกับการเป็นหัวหอกดันเรื่องนิรโทษกรรมหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้เข็ดอะไร ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เป็นเรื่องธรรมดาที่เราทำหน้าที่ แต่เมื่อเขาเห็นแบบนี้ก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่าต่อไปหากจะพูดเรื่องนิรโทษกรรม ต้องวางกรอบให้ชัดเจนไม่ให้แตะ 112 หรือไม่เพื่อไม่ให้ถูกคว่ำอีก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มันหนีไม่พ้น ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้เพราะ 4 ร่างกฎหมายที่จะเข้าสภา ถามว่ามีเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องไปไตร่ตรองกันและตนเชื่อว่ารายงานที่ทำไปครั้งนี้จะเป็นประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม 4 ร่างประกอบด้วย ของพรรคการเมือง 3 พรรคคือ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก้าวไกลเดิม พรรคครูไทย และร่างของภาคประชาชน