เมื่อวันที่ 23 ต.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า กระทรวงพม. โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ให้ความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง  ล่าสุดในปีงบประมาณ 2568 กระทรวง พม. โดย พอช. ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาล ให้ดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง จำนวน  20,920 หลังคาเรือน ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ 1.คลองเปรมประชากร และคลองลาดพร้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ระบายน้ำสำคัญของ กทม. 2.พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ฝั่งตะวันตกและตะวันออก 3.พื้นที่อุทกภัยในอ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ และ 4. พื้นที่อุทกภัยเชียงรายลุ่มน้ำอิง ลุ่มน้ำกก ลุ่มน้ำแม่สาย อำเภอเวียงป่าเป้า

การขับเคลื่อนแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้มุ่งเน้นกระบวนการจัดระเบียบชุมชน โดยคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 เป็นแนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่คลองเปรมประชากร คลองลาดพร้าว และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ประกอบด้วย การสร้างความมั่นคงในที่ดิน มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย, การเชื่อมโยงเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน เพื่อขยายผลการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน, การสร้างและปรับปรุงบ้านให้มีความมั่นคงแข็งแรงตามมาตรฐาน มีรูปแบบบ้านให้เหมาะสม สามารถอยู่กับน้ำท่วมซ้ำซาก หรือน้ำท่วมสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ได้, การสร้างและปรับปรุงระบบสาธารณูโภคและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมคูคลอง และ พัฒนาคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจชุมชน ก่อให้เกิดรายได้ การสร้างทุนชุมชน

แนวทางที่ 2 เป็นแนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่อุทกภัยในอ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และพื้นที่อุทกภัยเชียงราย ประกอบด้วยการปรับปรุงบ้าน รูปแบบบ้านให้สามารถอยู่กับน้ำท่วมซ้ำซากได้, กรณีที่ดินที่อาศัยอยู่เดิมของกลุ่มชุมชนมีความเสี่ยง และยากต่อการรับมือในอนาคต จำเป็นต้องย้ายหาที่อยู่ใหม่ที่เหมาะสม, การจัดระบบ กลุ่ม ชุมชนให้มีทีมทำงานและเชื่อมโยงเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อม สามารถบริหารจัดการชุมชน และช่วยเหลือกันเมื่อประสบปัญหาอุทกภัยได้ในอนาคต

สำหรับการออกแบบบ้านที่ได้มาตรฐาน และเหมาะสมสามารถอยู่กับสภาวะน้ำท่วมซ้ำซาก และน้ำท่วมสูงขึ้นทุกปี ทาง พอช. มีความร่วมมือกับนักวิชาการในพื้นที่ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ศูนย์พระนครศรีอยุธยา และ มหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา รวมถึงนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเรื่องการออกแบบบ้าน รวมถึงหารือร่วมกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อออกแบบร่วมกันว่า บ้านในลักษณะไหนที่มีความเหมาะสม ไม่สร้างความลำบากในการอยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชนมากเกินไป โดยอาศัยการศึกษารวบรวมข้อมูลปริมาณน้ำและระดับน้ำที่ท่วมในแต่ละปี ซึ่งการออกแบบบ้านอาจจะเป็นลักษะการดีดบ้านให้สูงขึ้นเพื่อให้พ้นน้ำ และ การทำบ้านแพลอยน้ำ เมื่อน้ำมา บ้านจะสามารถลอยยกขึ้นได้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ จะดำเนินการนำร่องใน 5 หมู่บ้าน ในต.บางชะนี  อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา.