เรียกง่ายๆว่า สำหรับคนฝรั่งเศสแล้ว ขอใช้เงินไปกับ การดื่มไวน์ กับแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดีๆ ดีกว่าเอาไปซื้อรถยนต์หรูให้คนเขาหมั่นไส้ จึงอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราพบว่า เราไม่ค่อยจะเห็นรถพันธ์หรูออกมาจากแดนน้ำหอมน้ำมากนัก แต่อย่างไรก็ดี พวกเขาเองก็รู้ว่าถึงคนในชาติเขาจะไม่นิยมรถหรู แต่ด้วยทักษะและฝีมือของพวกเขา พวกเขาสามารถทำรถหรูได้อย่างแน่นอน ดังนั้นแบรนด์ “ซีตรอง” (Citroen) ต้นตำหรับรถยนต์ช่วงล่างไฮดรอลิก เจ้าของฉายา “พรมวิเศษ” จึงได้ออกแบรนด์ใหม่อย่าง “แดแอส” หรือออกเสียงแบบอังกฤษ ก็คือ “ดีเอส” (DS) ออกมา โดยคำว่าแดแอส นี้พ้องกับคำว่า “นางฟ้า” และเป็นชื่อรถซีตรอง รุ่นแดแอส รถในตำนาน ที่มีความล้ำในด้านวิศวกรรมที่พวกเขาภาคภูมิใจ

โดยนับตั้งแต่ตั้งแบรนด์นี้ขึ้นมา พวกเขาก็ได้นำเสนอวิสัยทัศน์แห่งความหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถยึดครองหัวใจของคนส่วนใหญ่ได้มากพอ จนกระทั่งวันนี้ ที่เขาเปิดตัว “แนวคิด” ของเพชรยอดมงกุฐคันใหม่ ที่นำเอารถแบบแกรนด์ทัวริ่งค์ ระดับสุดยอดในอดีต อย่างรถ ซีตรอง รุ่น เอสเอ็ม (Citroen SM) มาตีความใหม่ได้อย่างงดงาม

สำหรับคนที่ไม่รู้จักว่า “เอสเอ็ม” นั้นมีที่มาเช่นไร ก็ต้องขอเท้าความกลับไปในทศวรรษที่ 70 ตอนนั้นบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาเลียน “มาเซราติ” (Maserati) กำลังมีฐานะทางการเงินที่ย่ำแย่ โดยซีตรองจากฝรั่งเศสได้ยื่นมือเข้ามาอุ้มชู โดยคาดหวังที่จะได้ใช้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงจากมาเซราตี มาใส่ในรถรุ่นเรือธงของพวกเขา และก็จะนำเทคโนโลยีช่วงล่าง “ไฮโดรนิวแมติก” (Hydropneumatic) ที่นุ่มนวลของซีตรองไปใช้กับรถซีดานหรูของมาเซราติ รุ่น ควัทโตรปอร์เต้ 2 (Quattroporte II) โดยรถซีตรองที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบกำลังสูงจากมาเซราตี ที่จับคู่กับช่วงล่างพรมวิเศษ นี้ก็คือ รถคูเป้ แกรนด์ทัวริ่งหรู ซีตรอง เอสเอ็ม นั่นเอง รถรุ่นนี้ในบ้านเรามีน้อยมากน่าจะน้อยกว่า 5 คันถ้าจำไม่ผิด

รถแนวคิดรุ่นล่าสุดของปี 2024 ที่เป็นการนำเอารถหรูในอดีตมาตีความใหม่นี้ มีชื่อว่า แดแอส เอสเอ็ม ทริบิวท์ (DS SM Tribute Concept) มันยังรักษารูปทรงที่เหมือนกระสุนปืนไรเฟิล ที่ลู่ลมเอาไว้ และนอกจากนั้นยังนำเอาสีทอง อันเป็นหนึ่งในสียอดนิยมของ เอสเอ็ม ในอดีตมาใช้ในมิติใหม่ ที่เป็นการเล่นสีแบบทูโทน ทองซาติน (Satin Gold) สลับกับสีดำ อย่างดงาม

อีกจุดหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ เอสเอ็ม ในอดีตอย่าง กระจังหน้ากระจกใส ก็ถูกนำมาตีความใหม่ในแบบร่วมสมัยด้วยการใช้จอแบบ 3 มิติที่ฉายภาพของแสงไฟมลังเมลืองงดงาม แต่จุดที่โดดเด่นที่สุดและเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของแบรนด์ “ซีตรอง” ในอดีตอย่าง แผงปิดล้อหลัง ก็ได้ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง และแผงนี้เองก็คือการรื้อฟื้นภาพจำของรถซีตรองในยุค 70-90 ที่มีรูปลักษณ์เพรียวลมกลับมาอีกครั้งนั่นเอง โดยในครั้งนี้พวกเขาเลือกที่จะไม่ปิดล้อหลังทั้งหมด โดยเผยให้เห็นด้านบนของล้อหลังเล็กน้อย และแผงก็จะเป็นส่วนหนึ่งของไฟท้ายอีกด้วย เรียกว่ามีความเก๋ไก๋ไม่ใช่น้อย

แต่จุดที่เป็นเหมือนไฮไลท์ของรถคันนี้เห็นจะเป็นงานออกแบบภายใน ที่ผสมผสานความหรูหราแบบคลาสสิกเข้ากับความล้ำยุคสไตล์ดิจิตอลได้อย่างน่าสนใจ โดยหน้าจอในรถนั้นเป็นระบบฉาย (Projection) ที่ให้ความโปร่งใส แตกต่างไปจากจอภาพของรถทั่วไป ซึ่งเมื่อจับคู่กับงานหุ้มหนังแท้สีงาช้าง ที่แกะลายสไตล์ศิลปะจากยุคอาร์ตเดโค (Art Deco) ด้วยเลเซอร์ แล้ว มันให้ความรู้สึกที่สง่างาม หรูหรา ไม่แพ้รถจากแบรนด์หรูอื่นๆ … เรียกได้ว่าหากจะมีการผลิตขึ้นมาจริง ก็น่าจะเป็นรถหรูที่เศรษฐีหมายปองอย่างไม่ต้องสงสัย.