เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2567 ให้ครม.รับร่างพ.ร.บ.นี้ไปพิจารณาก่อนรับหลักการ จึงส่งมาให้ครม.พิจารณา ซึ่งมีกำหนดส่งคืนสภา ภายในวันที่ 26 ต.ค.2567 ทั้งนี้ ที่ประชุมครม.มีมติไม่รับหลักการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นร่างกฎหมายที่มีรายละเอียดมาก และมีผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงกระทรวงกลาโหมได้ยกร่างขึ้นมาด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้นำไปหารือกับคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เพื่อแจ้งต่อรัฐสภาว่าในสัปดาห์หน้า จะมีร่างของกระทรวงกลาโหมหรือร่างของรัฐบาลเข้าไปประกบเพื่อพิจารณาร่วมกัน

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า  สำหรับรายละเอียดในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสัดส่วนของครม.ในสภากลาโหมยังเป็นรายละเอียดที่จะต้องพูดคุยกัน อีกทั้งขอให้กระทรวงกลาโหมเร่งสรุปความคิดเห็นต่างๆ นอกจากนี้มีความเห็นจากหลายหน่วยงาน อาทิ กระทรวงกลาโหมระบุว่ากรณีของอำนาจสภากลาโหมในการให้ความเห็นที่สำคัญต่อ รมว.กลาโหม อาจทำให้การพิจารณาของรัฐมนตรีขาดความรอบคอบ รวมทั้งการผลักภาระความรับผิดชอบไปให้รมว.กลาโหมเพียงผู้เดียว จึงต้องทำให้เกิดความรอบคอบ นอกจากนี้ มีอีกหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่เห็นตรงกันว่ายังไม่ควรรับหลักการร่างดังกล่าว ครม.จึงมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมเร่งประเมินผลสัมฤทธิ์ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ อีกทั้งเร่งให้จัดทำร่างกฎหมายให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล เพื่อเสนอต่อสภาฯ ให้พิจารณาร่วมกับร่างพ.ร.บ.ข้างต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่ครม.มีมติไม่รับหลักการนั้น เป็นร่างที่ ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคประชาชน เสนอต่อสภาฯ และได้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2567