เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)  เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมการฟื้นฟูช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ในโครงการ 10 วันสร้าง 10 วันซ่อม  โดยพบว่า โรงเรียนบ้านไม้ลุงขน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีความเสียหายหนักมากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้เข้ามาช่วยเหลือทำความสะอาดฟื้นฟูสถานศึกษาแล้ว รวมถึงมอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยเข้าไปสำรวจโรงเรียน เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2 นี้ด้วย

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงนโยบาย “Thailand Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” ของรัฐบาลที่มีเป้าหมายให้จำนวนเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาเป็น “ศูนย์”  ซึ่งข้อมูลนักเรียนจากการสำรวจของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบเด็กหลุดระบบการศึกษาในภาพรวม 1.02 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กหลุดระบบการศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จำนวน 699,112 คน และในจำนวนดังกล่าวมีเด็กในระบบของสพฐ.อยู่จำนวน 85,259 คน  โดยตนได้สั่งการให้เขตพื้นที่การศึกษาสำรวจเด็กที่หลุดระบบการศึกษาไปให้เจอว่า หายไปจากระบบการศึกษาแล้วไปอยู่ตรงไหนทำอะไร เพื่อดำเนินการจัดระบบการค้นหาให้เด็กกลับเข้ามาเรียน หรือหากพบเด็กไม่สะดวกที่จะกลับมาเรียนต่อ ก็ต้องพาการศึกษาไปหาเด็กให้ได้  โดยเชื่อมโยงฐานข้อมูลทุกมิติ สร้างระบบส่งต่อ พาเด็กเยาวชนกลับสู่การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น มีทางเลือกที่ตอบโจทย์ชีวิตเป็นรายบุคคล เพื่อการเปิดประตูสู่อาชีพที่ดี

“ในการประชุมดังกล่าวผมได้เสนอทบทวนเกณฑ์การย้ายข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้สอน เนื่องจากพบว่า เกณฑ์การย้ายครูในปัจจุบันไม่ได้กำหนดสัดส่วนครูที่ขอย้ายกับเด็กใหม่ที่สอบบรรจุขึ้นบัญชีไว้ ส่งผลให้หลายเขตพื้นที่รับย้ายเกือบ 100% และทำให้เด็กใหม่ที่สอบขึ้นบัญชีครูผู้ช่วยไว้ขาดโอกาสในการบรรจุ ดังนั้นสพฐ.กำลังหาวิธีการความสมดุลที่สุดของการย้ายครูที่เหมาะสมต่อไป” ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าว