เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่มีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. เป็น ประธาน กมธ. ได้มีการบรรจุวาระประชุมด่วน เรื่องการตรวจสอบการใช้ที่ดินไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย ของ พระ ว.วชิรเมธี  โดยวันนี้ยังไม่มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง

นายชีวะภาพ ให้สัมภาษณ์ว่า  กมธ.ได้รับเรื่องมา 2 เรื่อง คือ ไร่เชิญตะวัน และการขอให้ตรวจสอบที่ดินของนายกันต์ กันตถาวร ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งคนที่มายื่นร้องก็ได้มีการส่งไปยังหน่วยงานอื่นๆ ด้วย ทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กรมป่าไม้ และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)  ซึ่ง กมธ. เป็นหน่วยงานประสานปฏิบัติ ติดตามสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดต่อประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนติดตามว่าผิดถูกอย่างไร ตนยืนยันว่าเราทำงานตรงไปตรงมาทำให้เกิดความกระจ่างและทำให้เกิดความเป็นธรรม

นายชีวะภาพ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีไร่เชิญตะวัน แม้จะเป็นป่าสงวนแห่งชาติแต่ก็สามารถขออนุญาตเข้าไปได้ เพราะมีสำนักสงฆ์ มีวัดทั่วประเทศที่ใช้ป่าสงวนฯ  เป็นเรื่องปกติ เพราะเราเป็นพุทธมามกะ เราเข้าใจว่าสำนักสงฆ์เป็นภารกิจในการส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา  แต่ความผิดถูกอย่างไร ก็คงต้องรอให้ทางกรมป่าไม้ตรวจสอบ และในส่วน กมธ.ก็จะประสานคู่ขนาน

เมื่อถามว่าหากกรมป่าไม้มีความคืบหน้าในเรื่องของการตรวจสอบจะมีการเชิญมาหรือไม่ นายชีวะภาพ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าอธิบดีกรมป่าไม้ว่าจะเอาจริงเอาจัง เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์พระใหญ่ที่ จ.ภูเก็ต ก็เป็นลักษณะเดียวกัน หากเจอว่าบุกรุกที่ป่าสงวนฯ ก็ต้องแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้กระทำ หากไร่เชิญตะวันทำเช่นนั้นด้วย ก็ต้องดูว่าใครเป็นผู้กระทำ แต่จะไปสรุปว่าเป็นท่าน ว.วชิรเมธี เป็นผู้กระทำ คงยังสรุปไม่ได้ ทั้งนี้ หากกรมป่าไม้สรุปความชัดเจนออกมาแล้ว เราก็จะติดตามเอาประเด็นนั้นมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ประชาชนส่งข้อมูลเข้ามาให้ กมธ. ถ้าหากกรมป่าไม้ตรวจสอบแล้วยืนยันแล้วว่าถูกต้องก็ไม่เป็นไร  เราก็จะทำการชี้แจงกับผู้ร้องเรียนและประชาชนให้เข้าใจ

เมื่อถามว่าข้อมูลที่มีข้อพิรุธหรือมีข้อสุ่มเสี่ยงอย่างไรบ้างนั้น นายชีวะภาพ กล่าวว่า  กมธ.ไม่ได้มีฝ่ายเทคนิคที่จะลงไปในเชิงรายละเอียด แต่การที่จะตรวจว่าผิดหรือถูกต้องเป็นกรมป่าไม้ ในส่วนของ กมธ.เราทำหน้าที่เพียงแค่คอยดู หากกรมป่าไม้บอกว่าถูก แต่ข้อมูลที่ประชาชนส่งมาให้สวนทางกัน ก็ต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่า กรมป่าไม้ทำตรงไปตรงมา และให้ความยุติธรรม

“วันนี้ไม่มีใครหรอกที่จะกล้าบอกผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด  กมธ.ก็คงต้องเป็นแบบนั้น จะไปแย้งความรู้สึก แย้งนิติวิทยาศาสตร์ เปลี่ยนแปลงไม่ได้” นายชีวะภาพ กล่าว

นายชีวะภาพ กล่าวต่อว่า คาดว่า ช่วง 1-2 วันนี้ กรมป่าไม้ น่าจะมีความชัดเจนออกมาแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นนิติวิทยาศาสตร์ ขอบเขตการขออนุญาตเป็นแผนที่มีหมุดเข้าไปตรวจ ไปวิเคราะห์ อ่านแปลน ดูความเชื่อมโยง ไม่นานก็คงจะรู้ ว่าผิดถูกอย่างไร ส่วนที่ไร่เชิญตะวันใช้พื้นที่ 190 ไร่ ตรงกับที่ขอไว้หรือไม่ ก็ต้องดูรายละเอียดในการขอว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าขอถูกต้อง ก็ต้องมาดูเรื่องการครอบครองกับการทำประโยชน์ ซึ่งรายละเอียดส่วนนี้ กรมป่าไม้จะเป็นผู้ตรวจสอบ

นายชีวะภาพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ดินของนายกันต์ว่า ก็มีคนไปร้องหลายหน่วยงาน ทั้งกรมป่าไม้, DSI ที่มีการโพสต์ขาย 40 ล้านบาท เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่าอยู่นอกเขตป่าสงวนฯ  แต่ก็คงต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีเอกสารสิทธิอะไรบ้าง  ส่วนที่นายกันต์ซื้อมา 2.5 ล้านบาท แต่ประกาศขาย 40 ล้านบาท อาจเป็นราคาที่มากเกินไปหรือไม่นั้น นายชีวะภาพ กล่าวว่า ตนไม่รู้เขาไปทำอะไรบ้าง มีสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมมาหรือไม่ ราคา 2.5 ล้านบาทที่ซื้อมาต้องดูรายละเอียด ซึ่งการตรวจสอบเป็นคนละส่วนกับพื้นที่ขออนุญาต เพราะในส่วนนี้เป็นพื้นที่ครอบครอง ต้องไปดูโฉนดหรือ น.ส.3 ว่าทำเกินจากโฉนดที่มีอยู่หรือไม่ โฉนดได้มาปีไหน ได้มาอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ก็ต้องมีการพิจารณาในเรื่องนี้ แต่เบื้องต้นได้รับรายงานว่าอยู่นอกเขตป่าสงวนฯ  แล้วยังไม่รู้ว่ายังมีคนร้องเรียนเข้ามาอีกหรือไม่ ทั้งนี้หากใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็สามารถยื่นเข้ามาได้และยืนยันว่า กมธ. ทำงานอย่างตรงไปตรงมา วันนี้เราเองอยากให้สังคมเห็นว่าพวกเรา สว.ที่มาจาก 20 กลุ่มอาชีพมีความตั้งใจจริงที่จะช่วยดูแลทรัพยากรธรรมชาติและช่วยดูแลประชาชนผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก.