วันที่ 21 ต.ค. หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า มี ‘คลิปเสียง’ ของ ‘นักร้องหญิง ก.’ เรียกรับเงินจาก ‘บอสพอล-ดิไอคอน’ 10 ล้านบาท และต่อมา ‘กฤษอนงค์’  ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ เเละศูนย์ข่าวต่อต้านโกง ได้โพสต์ผ่านเพจว่า “ตบ ไม่ตบ มาฟังจากปาก พร้อมหลักฐานทุกมิติ สังคมที่ยุติโดยธรรมต้องฟังให้รอบด้าน พร้อมค่ะ พรุ่งนี้รับฟังพร้อมกัน (เปลี่ยนเป็นที่) รายการโหนกระแส“

กฤษอนงค์ เปิดใจว่า  ส่วนตัวไม่ได้ฟังคลิปเสียง แต่จากที่หลายคนพุ่งเป้ามาที่ตนเอง เนื่องจากว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้เสียหาย และอยู่ในกระบวนการของการช่วยเหลือแชร์ลูกโซ่มา 19 ปี

วันนี้ กรณีตัวเลขเงินประมาณการคร่าวๆ ตรงนี้ น่าจะเป็นตัวเลขของผู้เสียหายที่ตนเองดำเนินการดูแลชุดแรก ที่มีการเจรจาไกล่เกลียกันคือ 89 คน ยอดอยู่ที่ประมาณ 8,000,000 กว่าบาท แต่เริ่มต้นผู้เสียหายเรียกร้องมา 15 ล้านบาท ซึ่งทางฝ่ายคู่กรณีขอเจรจาอยู่ที่ 8,000,000 บาท ซึ่งก็เจรจาตรงกับผู้เสียหายเอง และเงินก็จ่ายโดยตรงไปที่ผู้เสียหาย แต่เนื่องจากตัวเองเป็นคนประสานตรงกลาง ก็เลยเกิดการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ แล้วตนเองก็ไม่ได้ระมัดระวังในเรื่องของการถูกอัดเสียง ซึ่งคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรนอกกรอบ เพราะเราเป็นสำนักงานกฎหมาย และมีทนายความอยู่ด้วย

กฤษอนงค์กล่าวว่า ที่สำคัญ ตนเองรู้จักกับ ‘พอล’ เป็นการส่วนตัวตั้งแต่ต้น รู้จักมาเป็น 10 ปี แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน เพราะตอนที่เขาเป็นผู้จำหน่ายอิสระ เขาเป็นผู้นำที่เก่ง มีความสามารถ จนกระทั่งเปิดบริษัทเอง จนกระทั่งมีผู้เสียหายมาร้องอย่างต่อเนื่อง

กระทั่งวันหนึ่ง มีผู้เสียหายมาเต็มหน้าบ้าน ตนเองจึงได้สอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้เสียหาย เลยเอาข้อมูลมา เพราะเขาบอกว่ารวมตัวกันมาสองปีแล้ว ซึ่งมีกลุ่มผู้เสียหาย ทั้งกลุ่มเปราะบาง ผู้ติดเตียง มีคนบวชเป็นพระ ซึ่งเป้าหมายสำคัญคือ ผู้เสียหายต้องการได้เงินคืน และเกิดมาตรการการป้องกัน

ตนเองเลยโทรศัพท์หาพอล ต่อหน้าทนายความ ว่าผู้เสียหายมาหาตนเอง จะให้ทำยังไง ซึ่ง ‘พอล’ บอกว่าให้ฟังพอลด้วย แล้วพอลผิดอะไรผิดตรงไหน ตนเองจึงบอกว่ามีผู้เสียหาย คิดจะมาฟังเค้าบ้างไหม ถ้าเข้าใจผิดมันต้องแค่คนสองคน แต่นี่ 10 คน มี 9 คนที่บอกว่าเสียหาย อยากให้มาฟังด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน

โดยพอลประสานผ่านภรรยาเก่าของเขามาหาตนเอง ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้ มีการเสนอจากฝ่ายของพอลว่า ไม่ให้ทำ จะเอายังไง เอาเท่าไหร่ ซึ่งตนเองก็บอกไปว่า จ่ายที่ตนเองมันก็ไม่จบอยู่ดี มันต้องไปเยียวยาผู้เสียหาย ก็เลยบอกให้มาฟังผู้เสียหายเอง เลยเกิดการเจรจาคุยกันเป็นเดือน เคลียร์กับผู้เสียหาย เค้าก็ได้นั่งฟังด้วยตัวเค้าเอง จนกระทั่งตกผลึกว่ามีการตกลง 50%

โดยเค้าจ่ายเงินสดโดยตรงไปที่ผู้เสียหาย บางส่วนโอนเข้ากองทุนกลุ่มเปราะบาง ที่เป็นกลุ่มออนไลน์ แล้วทางกองทุนก็โอนต่อ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ประมาณเดือนกรกฎาคม

ส่วนตัวไม่ได้ยินคลิป แต่ถ้าพุ่งเป้ามาที่ตนเอง ตนเองก็พร้อมชี้แจงมาก ยืนยันว่า ไม่ได้กังวล เพราะอยู่มาเป็น 19 ปี อยู่กับโจรมารู้ว่าโจรคิดอะไร ไม่เคยอัดเสียงใคร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถ้าเค้าจะอัดเสียงตนเอง ก็แสดงว่าเขามีความผิด ดังนั้นวันนี้ไม่ต้องมาถามว่าตัวเองมีคลิปไหม ตนเองไม่มี

ตนเองมีแค่คลิปครั้งแรกครั้งเดียวที่อัดให้ผู้เสียหายฟังว่า เกิดการเจรจากับพอล แล้วทุกคนเห็นว่ายังไง มีแค่ครั้งเดียว ยืนยันว่าไม่ได้กังวลใจ พร้อมจะชี้แจง ถ้าวันนี้สังคมให้ชี้แจงตนเองพร้อม แต่ถ้าเป็นกระบวนการทางกฎหมายพร้อมอยู่แล้ว

แต่ถามว่าตกใจไหม ตกใจ เพราะพ่อตกใจ แต่พ่อให้ประโยคหนึ่งมาว่า “ทองแท้ ต้องไม่กลัวไฟ” มันต้องพร้อมที่จะรับกับไฟ ถ้าเราจะอยู่จุดนี้ ถ้าถามว่า มีเบื้องลึกเบื้องหลังหรือมีใครกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ

ส่วนประเด็นเรื่องส่วนแบ่ง 20% ที่ถูกกล่าวอ้างว่าจ่ายให้กับผู้ร้องเรียน กฤษอนงค์ชี้แจงว่า ผู้เสียหายได้ถามว่าแล้วตนเองได้อะไรจากการช่วยเหลือ ซึ่งทางผู้เสียหายหลังจากได้เงินแล้วก็อยากจะสนับสนุนตนเอง โดยตนเองไม่ได้บังคับให้มีการโอน ไม่มีการพูดว่า ต้องโอนให้ตนเอง 20% แต่ที่ตนทราบคือ มีแกนนำของผู้เสียหาย ที่มีการพูดคุยตกลงในกลุ่มผู้เสียหายว่าให้โอนสนับสนุน จึงให้โอนเงินผ่านกองทุนป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี money game แชร์ลูกโซ่ ซึ่งเงินเหล่านี้ ก็จะนำไปใช้ช่วยเหลือผู้เสียหายรายอื่นๆ ต่อไป

ส่วนที่ทนายความของ ‘บอสพอล’ พูดว่านักร้องหญิงท่านนี้ มีการให้โอนเงิน 10 ล้านบาทก้อนเดียวเลย และมีการโอนอีก 400,000 บาทนั้น ตนเองอยากฝากบอกทนายความว่า ให้เอาหลักฐานมายืนยัน ไม่มีหรอก 10 ล้านบาท และหากมีเอกสารหรือหลักฐานอะไรที่ทางทนายความเข้าใจตรงหรือไม่ตรง ก็สามารถมาสอบถามตนได้

ขอบคุณข้อมูลจาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว