นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด  เปิดเผยในงานเสวนา “เดลินิวส์ ทอล์ก 2024” ในหัวข้อ “Soft Power : โอกาสประเทศไทย” ว่า  ประเทศไทยไม่เหมือนใคร โดยที่ผ่านมารัฐบาลดึงซอฟต์พาวเวอร์มาเป็นวาระแห่งชาติ เราทำในสิ่งที่มีเปลี่ยนจาก คุณค่าให้เป็นมูลค่า ซึ่งสามารถสานต่อกระจายรายได้ได้รวดเร็วมากกว่าทำเรื่องอื่นๆ และเชื่อว่าจะเป็นหลักสำคัญมากที่จะสร้างรายได้ลงไปถึงชุมชน จังหวัด หมู่บ้าน และเป็นการสร้างอีโคซิสเท็มที่สำคัญมากใน 11 อุตสาหกรรม ที่คิดด้วยกันทำด้วยกันให้เกิดมูลค่า

อีกทั้งยังเป็นเรื่องของการมีอาชีพ ก่อให้เกิดรายได้ในประเทศและของผู้คน ซึ่งหากทำให้เป็นอาชีพจริงจัง สอดแทรกการเรียนให้มีองค์ความรู้ที่ถูกต้อง มีการเรียนการสอนเป็นหลักสูตรเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ผู้ที่มีประสบการณ์มาให้ข้อมูลวางแผนร่วมกันเพื่อให้เกิดการสื่อสารองค์รวมที่สามารถเข้าถึงทั้งคนไทยและทั่วโลก ในที่สุดคือ ทำให้คนไทยรักความเป็นไทย อยากสืบสานความเป็นไทย อยากใช้สินค้าไทย สุดท้ายคนทั้งโลกอยากมาไทย ใช้ของไทย

นอกจากนี้ ในฐานะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ ที่ทำเรื่องเฟสติวัล (ประเพณี) หนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ไทยนั้น อยากให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า เฟสติวัลเราไม่ได้มีหน้าที่จัดอีเวนต์ แต่ปัจจุบันประเพณีของไทยมีจัดกันอยู่แล้วทั้งปีตั้งแต่ชุมชนหมู่บ้านมาจนถึงระดับชาติ ระดับประเทศ รวม 30,000 กิจกรรม ฉะนั้นเราไม่ต้องจัดอะไรใหม่ เรามีความพร้อมอยู่แล้วที่จะทำให้ประเพณีของเราออกไปสู่สายตาโลกได้มากยิ่งขึ้นอย่างไรจากต้นทุนที่ดีอยู่

แต่สิ่งที่เราต้องทำคือ ต้องปักหมุดหมายให้ได้ว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการจัดประเพณีที่ดีที่สุดระดับโลก เมื่อทุกคนอยากไปดูเทศกาลจะไปประเทศไหนที่มีครบใน 1 ทริป ฉะนั้นหน้าที่ของเฟสติวัล คือ การสร้างความรับรู้ประเพณีของไทยให้เป็นภาพใหญ่ให้ติด 1 ใน 10 ของประเทศไทยดีที่สุดของโลก จากนั้นจะสร้างอีโคซิสเท็มที่ถูกต้องโดยร่วมมือกันของเอกชน ภาครัฐ ประชาชนทั่วไป ที่จะเห็นเป็นภาพรวมระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค ที่รวมกันเป็นทั้งประเทศ

นอกจากนี้จะมีการเสริมทักษะ มีการสอนให้เรามีซอฟต์พาวเวอร์ทางด้านการจัดประเพณีกันอย่างเป็นมืออาชีพ เป็นเจ้าบ้านที่ดี เราต้องมีทักษะที่ดีที่ต้องทำอะไรบ้าง ผ่านการออกหลักสูตรเฟสติวัลที่เป็นระบบและเป็นกระบวนการ และท้ายที่สุดท้ายเป็นเรื่องของการสื่อสาร บอกเล่าผ่านสื่อต่างๆ และคัดเลือกประเพณีที่สำคัญระดับโลกออกมา เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง เคานท์ดาวน์ หรือจะคัดเลือกอีเวนต์สำคัญๆ ออกมาใน 12 เดือน ซึ่งมีทั้งจากเมืองรองและเมืองใหญ่ จากนั้นวางแผนทำ “เฟสติวัล ซิตี้” ที่หมุนเวียนกันไปทั้ง 5 ภาค โดยชูเป็นเฟสติวัล ซิตี้ ภายใต้โครงการ เทศกาลอวดเมือง โดยที่แต่ละจังหวัดต้องรวมตัวกันนำเสนอของดีในแต่ละเมือง ซึ่งเป็นแผนงานอีโคซิสเท็มครบวงจรที่จะโยงไปที่ที่พักที่ดี สถานที่ท่องเที่ยวที่ดี อาหารที่ดี หรือมีสินค้าที่ดีนำมาประกวด เพื่อคัดเลือกให้เป็น เฟสติวัล ซิตี้