กรณี พระครูวรวัฒน์เขมากร (ชัยวัฒน์ ตรีธนะ) อายุ 68 ปี เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) ต.บ้านกระทุ่ม อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้ประคดผูกคอตัวเองมรณภาพภายในวัด พร้อมเขียนจดหมายบรรยายถูกชายวัยกลางคนแต่งตัวดี ขับรถเข้ามาตีสนิทแจ้งจองกฐินทำบุญกับทางวัด ก่อนออกอุบายให้เจ้าอาวาสยืมเงินญาติโยม 6.5 แสนบาทแล้วหายตัวไป จนเกิดความเครียด ก่อเหตุสลดดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ตุ๋นจองกฐิน! เจ้าอาวาสวัดดังกรุงเก่า ถูกหลอกสูญ 6.5 แสนเครียดผูกคอมรณภาพ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 67 ที่ สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ต.ประชิด เสมาฤกษ์ สว.(สอบสวน) สภ.เสนา เจ้าของคดี ให้ข้อมูลว่า ได้สอบสวนคณะกรรมการวัด ผู้เกี่ยวข้องกับเจ้าอาวาส ญาติ และลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสที่ยืมเงิน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ในขณะนี้ได้ออกหมายเรียกชายคนดังกล่าว ซึ่งเป็นชาว จ.สมุทรสาคร ที่มาหลอกลวงยืมเงินจากเจ้าอาวาส

ส่วนบรรยากาศที่วัดโบสถ์ (บน) พระสงฆ์ลูก และญาติโยมได้มีการจัดเตรียมสถานที่ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นายสมควร ไกรเพิ่ม อายุ 69 ปี ช่างปั้น เปิดเผยว่า ชายคนดังกล่าวทำเป็นขบวนการเข้ามาวัดตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค. มาตีสนิท และมีการนำคนมาบวชพระที่วัด เป็นเวลา 10 กว่าวัน และเข้ามาวัดอีกหลายครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อถือให้หลวงพ่อ และขอเป็นเจ้าภาพทอดกฐิน อ้างรู้จักเจ้าของกิจการใหญ่ จะมาร่วมทำบุญจำนวนมาก หลังจากนั้นได้ขอยืมเงินหลวงพ่อหลายครั้ง ครั้งละ 10,000-20,000 บาทแต่ก็ใช้คืน หลอกให้หลวงพ่อตายใจ แล้วเริ่มยืมเงินอีก คราวนี้ยืมเงินเป็นก้อนใหญ่ จนถึงเป็นหนี้ก้อนใหญ่จำนวนเงิน 650,000 บาท ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางหลวงพ่อนั้นได้นำเงินไปลงทุนขายลอตเตอรี่กับชายคนดังกล่าวนั้น ตนขอยืนยันไม่เป็นความจริง หลวงพ่อเป็นพระเมตตาไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน

นายศรพงศ์ ตรีธนะ อายุ 71 ปี อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นพี่ชายของเจ้าอาวาส เปิดเผยว่า หลวงพ่อ ท่านเจ้าอาวาส บวชมานานกว่า 30 ปี เป็นพระที่พัฒนาวัดโดยตลอด เป็นที่รักใคร่ของญาติโยม และไม่เคยเก็บเงินส่วนตัวไว้ จะนำเงินมาพัฒนาวัดตลอด ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า หลวงพ่อยืมเงินญาติโยมแล้วนำไปให้กับผู้ก่อเหตุ เพื่อที่จะลงทุนซื้อลอตเตอรี่นั้น ไม่เป็นความจริง และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ทางด้าน นายนุกูล เนตรสว่าง อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 กล่าวว่า ตนเป็นคณะกรรมการวัด หลังจากที่เกิดเรื่องราวก็ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องงานสวดพระอภิธรรมศพ และงานฌาปนกิจ ส่วนเรื่องทางด้านเงินที่หลวงพ่อนั้นได้ยืมไป จากที่ทราบส่วนใหญ่จะเป็นลูกหลาน และญาติพี่น้อง ซึ่งหลังจากที่มีการทอดกฐินในวันที่ 27 ต.ค. จะมีการประชุมร่วมกับกรรมการวัด และชาวบ้าน ว่าจะนำเงินใช้ให้กับญาติโยมที่หลวงพ่อยืมไป โดยเป็นความตั้งใจของหลวงพ่อ ตอนยังมีชีวิตอยู่ ที่บอกกับลูกศิษย์คนสนิทไว้ว่า หลวงพ่อจะหาเงินมาใช้ให้ญาติโยมที่ยืมมาทุกบาททุกสตางค์ ทางกรรมการจึงเห็นสมควรทำตามที่หลวงพ่อนั้นพูดไว้ แต่ต้องดูกฎระเบียบ ตามข้อกฎหมายของวัดว่าสามารถนำเงินส่วนนี้ไปใช้หนี้ให้กับญาติโยมได้หรือไม่.