นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรเป็นเดือนละ 3,000 ระยะเวลา 7 ปี นั้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีอัตราการเกิดของประชากรจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนกำลังแรงงานมีแนวโน้มลดลงไปด้วย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติได้ จึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ สั่งการสำนักงานประกันสังคมหาแนวทางการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อจูงใจและส่งเสริมการมีบุตรของผู้ประกันตน แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร โดยเพิ่มจำนวนเงินสงเคราะห์บุตรและขยายอายุบุตรที่ได้รับสิทธิสงเคราะห์บุตรให้กับผู้ประกันตน

สำนักงานประกันสังคม จึงรับนโยบายดังกล่าวไปเร่งดำเนินการศึกษาแนวทางการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ การเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร ปรับจากอัตราที่จ่ายในปัจจุบัน จาก 800 บาท เป็น 1,000 บาท นั้น ได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากบอร์ดประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอร่างกฎกระทรวงตามขั้นตอนทางกฎหมาย คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ในเดือนมกราคม 2568 จะมีบุตรของผู้ประกันตนที่เข้าเกณฑ์ประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งการรับ “เงินสงเคราะห์บุตร” จะทำการโอนเงินเข้าบัญชีผ่านระบบพร้อมเพย์ ทุก ๆ สิ้นเดือน แต่หากตรงกับวันหยุดหรือวันเสาร์ – อาทิตย์ จะทำการโอนให้ล่วงหน้าก่อนไม่เกิน เที่ยงคืน

นางมารศรีฯ ได้เน้นย้ำว่าสำนักงานประกันสังคมจะเร่งดำเนินการศึกษาแนวทางการปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรในอนาคตให้เหมาะสม ตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมการมีบุตรและการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรของกำลังแรงงานให้สามารถเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีสร้างกำลังแรงงานสำคัญในการร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ โดยจะเร่งนำผลการศึกษาเสนอคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาก่อนนำเสนอบอร์ดประกันสังคม ต่อไป