เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่า  นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีอิทธิพลต่อการเมืองในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะต้องหนีคดีไปหลบคดีร้อนอยู่ต่างประเทศ แต่บทบาททางการเมืองไม่เคยตก และเมื่อกลับเข้าสู่ประเทศไทย บทบาทและอำนาจทางการเมืองของนายทักษิณ ก็เห็นจะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จนเป็นหนามตำใจของใครบางคน

จนล่าสุดเหล่าบรรดานักร้อง ยื่นคำร้อง ปม “นายใหญ่ทักษิณ” เปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า ตั้งวงหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการจัดตั้ง‘รัฐบาล แพทองธาร’ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาว่า เป็นการกระทำที่เปรียบเสมือนการครอบงำ ทำเอาปลุกการเมืองไฟลุก เพราะ ล่าสุด กกต.​ รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ​ 6 พรรคร่วมรัฐบาล​ ยินยอมให้นายทักษิณ​ ครอบงำพรรค และทาง กกต.เอง ก็รับคำร้องเพราะเห็นว่าคำรองที่ส่งมามีมูล​

แต่บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ต่างฮึดสู้ อย่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกมาบอกว่า  คนเราสามารถไปมาหาสู่กันได้ ไปทานข้าวกัน เพราะนอกจากจะเป็นบ้านของอดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ยังเป็นบ้านของ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย และเวลารองนายกรัฐมนตรี​หรือใครไปเจอ​ จะมีปัญหาอะไร จึงไม่กังวล และขอให้ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการ อย่างนี้ประเทศมันถึงได้ป่วนกัน ปล่อยให้คนฟ้องอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย​ ไปกินข้าวบ้านนายกฯ

ขณะเดียวกันนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหอกฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ออกมาโต้ชัด ๆ ว่า  ในวันนั้นที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า มี​การคุยกันและเห็นร่วมกันว่าเป็นอย่างไร จำได้หรือไม่ และวันรุ่งขึ้นพรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุมอีกครั้ง เราก็เห็นของเราอีกอย่างหนึ่ง ดังนั้น จะมีอะไรมาครอบงำ ยืนยันว่าไม่มี ไม่เป็นอะไร​ ก็ชี้แจงกันไป

ดูเหมือนว่าฟากฝั่งของพรรคเพื่อไทย ดูไม่ได้กังวลใจต่อคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม แม้แต่น้อย และดูแล้วจะมีความมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงรายละเอียดต่างๆได้

ด้านฟากตรงข้าม อย่าง “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช กลับวิเคราะห์เขย่าขวัญ ปลุกกระแสยุบ 6 พรรคร่วมรัฐบาลว่า การที่กกต.รับคำร้องและพิจารณาว่าคำร้องมีมูล น่าจะมาจากการปรากฏภาพมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพบกับนายทักษิณที่เป็นบุคคลนอกพรรค แต่ทั้งนี้ ต้องสืบหาหลักฐาน ที่ชี้ชัดว่านายทักษิณสั่งการครอบงำทั้ง 6 พรรคจริงหรือไม่ และหากมีหลักฐานชัด โอกาสที่ทั้ง 6 พรรคถูกยุบก็มีสูง ทั้งนี้กระบวนการพิจารณายุบพรรคต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น ตนก็ไม่แน่ใจว่าคดียุบพรรคเพื่อไทยกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาล อะไรจะมาถึงก่อนกัน ระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งจากคำร้องยุบพรรค กับพ้นตำแหน่งจากอุบัติเหตุทางการเมือง หรือความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล

ชัดเจนแล้วว่า การกลับมาของนายทักษิณ ดูจะเป็นอิทธิพล ต่อการเมืองในประเทศไทย ไม่มากก็น้อย เพราะเพียงแค่การเปิดบ้านให้เหล่าบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าพบ ก็อาจจะนำไปสู่ การยุบพรรค แล้วแบบนี้ พรมแดง ที่ปูไว้ให้นายหญิงน้อย จะราบเรียบไปจนตลอดรอดฝั่ง หรือไม่ หรือว่าพรมแดง ที่ปูไว้ครั้งนี้ จะมีลูกคลื่นไปตลอดทาง

ท้ายที่สุดนายหญิงน้อยจะสะดุดคลื่นพรมลูกใหญ่แล้วเดินกลับไปซบอกคุณพ่อหรือจะกระโดดข้ามไปด้วยความมุ่งมั่น คงต้องมารอดูกันว่า ‘รัฐบาล แพทองธาร’ จะก้าวข้ามกับคลื่นลูกนี้อย่างไรเพื่อให้รอดไปเดินหน้าบริหารประเทศต่อไป