นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในการลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย อาทิ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จ.หนองคาย  หอการค้า จ.หนองคายพร้อมรับข้อเสนอจากภาคเอกชนทั้งหมด อาทิ การดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเชื่อมโยงจากประเทศลาวเข้ามาเที่ยวไทยผ่านหนองคายเพิ่มเติม โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่ากลับเข้าลาวในอัตรา 1,000 บาท ส่วนนี้จะนำข้อมูลไปศึกษาความคุ้มค่าที่เกิดขึ้น ก่อนหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาการเจรจาระดับรัฐบาลระหว่างไทยและลาวอีกครั้ง 

ส่วนเรื่องความปลอดภัยของกลุ่มรถทัวร์สาธารณะ จะหารือร่วมกับกระทรวงการคมนาคมเพิ่มเติม เพื่อยกระดับเรื่องความปลอดภัยมาเป็นหลักอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องดึงกองถ่ายทำภาพยนตร์ระหว่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น ขณะนี้มอบหมายให้กรมการท่องเที่ยว ทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายหนังต่างชาติในประเทศไทย เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับกองถ่ายต่างประเทศมากขึ้น เป็น 30% จากเดิมคืนเงินในการถ่ายทำสูงสุดไม่เกิน 20%  โดยจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ถ่ายหนังในเมืองรอง รวมถึงพิจารณาสนับสนุนกองถ่ายหนังไทยด้วย 

ขณะที่ผู้ประกอบการในจังหวัดหนองคายมีข้อเสนอเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในหลากหลายเรื่อง ได้แก่ การดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน และเกาหลีใต้ ที่ท่องเที่ยวในประเทศลาว สามารถเดินทางเชื่อมโยงข้ามมาเที่ยวไทยได้ ภายใต้มาตรการด้านวีซ่าที่เอื้ออานิสงส์เชิงบวก จากปกติที่นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวลาว หากต้องการมาไทยต้องเสียค่าวีซ่ากลับเข้าไป 1,000 บาท รัฐบาลไทยจะสามารถหารือระหว่างรัฐบาลกับลาว เพื่อยกเว้นค่าวีซ่าส่วนนี้เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติจากลาวเข้ามาเที่ยวไทยผ่านหนองคายมากขึ้นได้ หรือการสนับสนุนงบประมาณจัดทำเป็นโครงการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามานำวีซ่า 1,000 บาทที่ต้องจ่ายมาใช้เป็นส่วนลดในการท่องเที่ยวไทย ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร หรือทัวน์ต่างๆ ซึ่งสามารถทำผ่านทัวร์ได้ และคาดว่าทำได้เร็วกว่าการเจรจาระหว่างรัฐบาล

ทั้งนี้ที่ผ่านมาหนองคายเป็นจังหวัดทางผ่าน เข้ามาเพื่อเดินทางต่อไปจังหวัดอื่น จึงต้องการให้เกิดการพักค้างคืนอย่างน้อย1 คืน หรือทานอาหารอย่างน้อย 1 มื้อในหนองคาย เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในจังหวัดมากขึ้น โดยในช่วงปกติมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเยี่ยมเยือนหนองคาย ประมาณ 4,000 คนต่อเดือน หรือช่วงสูงสุด (พีก) ในเทศกาลต่างๆ อาทิ ปีใหม่ จะอยู่ประมาณ 8,000 คนต่อเดือน โดยศักยภาพของเมืองสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่านี้ แต่ต้องอาศัยการสร้างความรู้จักที่มีอิมแพคมากที่สุด เพราะนักทองเที่ยวยังคงรู้จักเมืองท่องเที่ยวหลักๆ ของไทยอยู่เพียง 5 จังหวัดเท่านั้น อาทิ ภูเก็ต กรุงเทพฯ รวมถึงในด้านความปลอดภัย โดยต้องการให้ยกระดับคุณภาพรถทัวร์ของผู้ประกอบการให้ถูกกฎหมายทั้งหมด และการจัดซื้อจัดจ้างรถทัวร์ของหน่วยงานภาครัฐ หรือสถานศึกษา อยากให้เลือกใช้บริการทัวร์นำเที่ยวเป็นหลัก เพราะถูกกฎหมายและยานยนต์มีมาตรฐานความปลอดภัยแน่นอน

นอกจากนี้ เสนอให้ส่งเสริมการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์จากต่างประเทศ ผ่านการใช้จังหวัดเมืองรองต่างๆ รวมถึงหนองคายเป็นพื้นที่ถ่ายทำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน และถือเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไทยสู่สายตาต่างชาติได้อย่างกว้างขวาง แต่ลงทุนน้อยที่สุดด้วย อีกทั้งเสนอให้เริ่มต้นสร้างรถไฟความเร็วสูงเริ่มต้นที่หนองคายเพราะสามารถใช้งานได้จริง ขณะที่ยังมีเรื่องหนี้ที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบางส่วนติดกับดักแก้หนี้อยู่ด้วย บางส่วนกลายเป็นหนี้เสีย หรือหนี้ไม่ก่อรายได้แล้ว จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยดูแลในส่วนของการแก้ไขปัญหาหนี้ คลีนิคแก้หนี้เหล่านี้ เพราะตามศักยภาพผู้ประกอบการยังสู้ได้ แต่หากสู้ด้วยเงินสุดอาจยากกว่าการมีเครื่องมือเสริมในด้านเครดิตสินเชื่อเข้ามาช่วยเพิ่มเติมด้วย

ด้านผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้า (YEC) กล่าวว่า จากการหารือกับจังหวัดลุ่มน้ำโขงซี่งมีความจุดขายเรื่องพญานาคอยู่แล้ว เพื่อให้มีความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ จึงชูจุดเด่นพญานาคของแต่ละจังหวัด พร้อมจัดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายมู สายศรัทธา พญานาค ดังนี้ คือ  จ.อุดรธานี : พญานาคแห่งความรุ่งเรือง จ.บึงกาฬ : พญานาคแห่งทรัพยากรและแฟร์ชั่น (จัดแสดงแฟชั่นบนหินสามวาฬ) จ.หนองคาย : พญานาคแห่งการค้า ทรัพย์สมบัตร จ.มุกดาหาร: พญานาคแห่งศิลปะ ดนตรี นครพนม : พญานาคแห่งอาหาร 

สำหรับจังหวัดหนองคายอยากทำขบวนแห่พญานาค 4 ตระกูล เป็นระทาง 40 เมตร ซึ่งจะทำคล้ายกับการแห่เชิดสิงโต เพื่อโหมโรงก่อนมีบุญบั้งไฟพญานาค และชูเป็นจุดเด่นของ จ.หนองคาย โดยหลังจากแห่เสร็จจะอันเชิญพยานาคแต่ละตระกูลไปประดิษฐาน 4 วัดสำคัญของเมือง