เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม กมธ. ที่มีการเชิญตัวแทนจาก สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาชี้แจงถึงคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า ตำรวจสอบสวนกลางยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังทำคดีอยู่อย่างรวดเร็ว พร้อมชี้แจงไทม์ไลน์ตั้งแต่ทราบเรื่อง กระบวนการสอบสวน การตั้งข้อหา และการจับกุม เราได้รับการยืนยันจากทางตำรวจว่าทำงานเต็มที่ ตนและ กมธ. ก็ให้กำลังใจกันไป ตำรวจก็ยืนยันว่าจะมีการขยายผลต่อเนื่องว่าจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เรื่องนี้ต้องรอทางตำรวจที่จะสอบสวนเพิ่มเติม เรื่องการที่ยึดทรัพย์มาได้ระดับหนึ่ง ก็ต้องมีการขยายผลต่อ ส่วน สคบ.ได้ซักถามตั้งแต่ปี 2561 ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป เข้าไปสอบถามจะจดทะเบียน จากนั้น สคบ. ก็มีหนังสือไปถึง 2-3 หน่วยงาน รวมถึงตำรวจด้วย สุดท้าย สคบ.ไม่รับจดทะเบียน ต่อมามีการไปขอซ้ำอีกรอบและจดทะเบียนให้ มันเกิดอะไรขึ้น กมธ.ก็พยายามสอบถาม ก็ได้ทราบข้อมูลว่าในเบื้องต้น มีการปฏิเสธแล้วจริง แต่พอมาขอจดทะเบียนใหม่ สคบ.ได้ดูเอกสารแล้ว เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องตามขั้นตอน

“ผมจึงตั้งคำถามว่าทำไมไม่ดูข้อมูลข่าวด้วย สิ่งที่ท่านตอบกลับมาคือภารกิจเยอะ อาจจะไม่ได้ดูรายละเอียดมาก และงานรับเรื่องเยอะมาก จะมีทีมงานดูแลกองอยู่ ซึ่งในช่วงท้ายก็ได้รับข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ใน สคบ.ท่านหนึ่งที่เป็นข่าวว่าได้รับมอบของราคาเกิน 3,000 บาท เป็นพนักงาน ตอนนี้ปิดเฟซบุ๊กหนีหาย ออกจากไลน์กลุ่มไปแล้ว ผมก็ถามว่าหนีไปหรือไม่ สคบ. ก็บอกว่าลาไปแล้ว ลาหายไปแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ คนนี้น่าจะเป็นกุญแจที่สำคัญอีกคนหนึ่ง เพราะในอดีตเคยทำงานอยู่หน้าห้องผู้ตรวจ สำนักนายกฯท่านหนึ่ง และเคยอยู่ สคบ. รับผิดชอบในเรื่องของการรับจดทะเบียน” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า รองเลขาฯ สคบ. ระบุว่าวันนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการจากหลายหน่วยงาน เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะ สคบ. ก็อยากกอบกู้ภาพลักษณ์ที่ดี เนื่องจากตอนนี้มีข่าวเรื่อง “เทวดา”ออกไป เขาก็คิดว่าเป็นผลมาจากคนส่วนน้อย จึงพยายามหาอยู่ว่าใครเป็นปลาเน่าในเข่ง

“ผมเลยบอกว่าหาปลาเน่าในเข่งให้เจอก็แล้วกัน ดำเนินงานให้ตรงไปตรงมา ไม่ต้องมาไว้หน้ากัน ผมมองว่าเรื่องนี้ต้องทำงานเชิงรุก” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

นายประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า กมธ. ย้ำกับ สคบ.ว่า ถ้าทำงานเชิงรุกเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ประธาน กมธ. ก็ย้ำว่าบริษัท ดิไอคอนถูกร้องเรียนมาแล้วในชั้น กมธ.ชุดที่ผ่านมา แต่มีการไกล่เกลี่ยและคืนเงิน ถ้ามีการมอนิเตอร์ติดตามต่อเนื่อง คงจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนี้ เราคงจะต้องรอผลสรุปจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้งกรรมมการสอบหาข้อเท็จจริง

“ผมก็เอาภาพขึ้นโชว์ใน กมธ. ว่ามีบุคคลคนหนึ่งรับของเกิน 3,000 บาท ทำไม สคบ.ไม่จัดการ มันเกิดอะไรขึ้น รองเลขาฯ ก็ชี้แจงว่าไม่ได้รู้หรอก เพราะเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วันนี้รู้แล้ว คงจะกลับไปดำเนินการแล้ว ให้กระเป๋าแบรนด์เนม หลุยส์ เห็นภาพรับของจากบอส ราคาเกิน 3,000 บาท เรื่องนี้ต้องมีการชี้แจงจาก สคบ.อีกทีหนึ่ง” นายประเสริฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องคลิปเสียงบอสพอลคุยกับชายปริศนา ตำรวจสอบสวนกลางสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ นายประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ กมธ.ก็แสดงความเห็นว่าไม่อยากให้เปลี่ยนหน่วยงานสอบสวน ส่วนบอสพอลได้รับสารภาพในชั้นสอบสวนหรือไม่ว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร ตำรวจสอบสวนกลางระบุว่าขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งตนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง

เมื่อถามถึง เทวดาที่อยู่บนสุดเป็นใคร มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ นายประเสริฐพงษ์  กล่าวว่า ตนคิดว่าหาตัวพนักงาน สคบ. คนนั้นให้เจอก่อน.