แม้ว่า “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ “ครูใหญ่บ้านเซาะกราวด์“ เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

ภายนอกจูบปากกันดูดี แต่ผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร  พรรคภูมิใจไทยงดออกเสียง 65 เสียงหลักการประชามติชั้นเดียว 

สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลต่อนัยยะทางการเมืองเป็นอย่างมาก คนทั่วไปหลับตาดู ยังรู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพรรคเพื่อไทย  เพราะประชามติคือสารตั้งต้นนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ด่านหินในการแก้ไขร่างกฎหมายประชามติ อยู่ที่สว.ลากตั้ง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมและสว.สายสีน้ำเงินมีมากกว่า สว.อิสระ โอกาสผ่านการพิจารณาของ สว.ยาก ตอนนี้ทำได้เพียงซื้อเวลาประนีประนอม แต่ละฝ่ายยอมถอยกันคนละก้าวสองก้าว 

พอมาถึงจุดนี้มันก็พอจะมองออกได้ว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในทางการเมือง หากพิจารณาวันเวลาที่ต้องการให้มีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบแรก “เพื่อไทย” ต้องการให้มีขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในช่วงต้นปีหน้า  ฝั่งตรงข้ามค่ายเซาะกราว “ผู้นำจิตวิญาณสีน้ำเงิน” อ่านเกมออก

มองว่ามี “วาระซ่อนเร้น” เอื้อประโยชน์ในลักษณะชี้นำ เพราะในการเลือกตั้ง จะต้องมีการพึ่งพาระบบหัวคะแนน และอิทธิพลท้องถิ่นชี้นำมาถึงเรื่องการลงประชามติได้อีก

เห็นได้จากท่าทีบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย และลูกสมุน ลูกหาบดาหน้าออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวเน้นย้ำประชามติชั้นเดียวดีที่สุด อย่าง “เสี่ยบอย” สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าประชามติชั้นเดียวดีที่สุด เพราะจะไม่มีอะไรที่จะเป็นการตั้งแง่ ทำให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นมา จนไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ และจะพยายามทำให้การทำประชามติพ่วงทันเลือกนายกฯอบจ. หากไม่ทันก็ต้องเสียงบประมาณแยกออกมาอีก

ขณะที่ท่าทีของ “นายใหญ่ทักษิณ“ และ ”นายกฯแพทองธาร“ ยังแบ่งรับแบ่งสู้ขอไปพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ซึ่งจากท่าทีดังกล่าวก็พอจะประเมินได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นรายมาตรา หรือจะแก้ไขยกร่างใหม่ทั้งฉบับ เริ่ม “ยาก” มากขึ้นทุกที นอกเหนือจากประชามติสองชั้นแล้ว ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองอย่างเดียว ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไร ยิ่งทำลายความชอบธรรมของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ลงไปอีก

แม้ว่ารัฐบาลเสียงข้างมากและพรรคประชาชนฝ่ายค้านเอาด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ แต่ ในวาระสาม อย่าลืมว่า สส.และ สว. ต้องพิจารณาร่วมกัน โดยใช้เสียงข้างมาก มี สว.ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม หรือ 67 คน ถือเป็นด่านหิน หากพรรคภูมิใจและ สว.ค่ายสีน้ำเงินไม่เอาด้วย ทั้งร่างกฎหมายประชามติ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญล้มไม่เป็นท่า นโยบายขายฝันแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยไม่ต่างจากง่ายตอนพูด แต่ยากตอนทำ.