จากกรณี มีผู้เสียหาย จำนวนมาก เข้าแจ้งความ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ทั้งกรรมการบริษัท คือ “บอสพอล” และดาราดังที่มาเป็นบอสมีส่วนเกี่ยวข้อง 4 วัน แจ้งความแล้วกว่า 740 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 266 ล้านบาท ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. น.ส.ตาล (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนได้เข้าร่วมทำธุรกิจกับ “ดิไอคอน” เมื่อปี 2564 จากการชักชวนของผู้ใหญ่ที่นับถือ อ้างว่า เป็นงานง่าย ๆ ทำงานสบาย ทำที่ไหนก็ได้ ยกตัวอย่าง “คุณยาย” คนหนึ่งอยู่ตลาดก็ทำ เขาไม่ได้ยิงแอดเลย แกขายคอร์ส อบรม วันหนึ่งได้ 10 – 20 คน ให้คิดว่าเป็นเงินเท่าไหร่แล้ว ตนไม่ต้องออนไลน์เลยก็ได้ แค่ไปบอกต่อกับคนอื่นก็ได้เงินแล้ว แต่เขาไม่ได้บอกว่ามีคอร์สซื้อสินค้าอีก และไม่บอกว่าเป็นเงินเท่าไหร่ เขาก็มัดมือชกเลย ยกผลประโยชน์มาอ้าง และให้ความเชื่อถือว่าของเริ่มขาดตลาดแล้วนะ สั่งเลยมั้ย แม่ตนก็เชื่อ บอกว่าทำเลยลูก ทำก่อนก็จะได้ก่อน เสียค่าสมัครเป็น “ดีลเลอร์” ไป 275,000 บาท ซึ่งก็จะได้สินค้าของบริษัทมา 15 ลัง 750 ชิ้น

น.ส.ตาล เล่าอีกว่า เพื่อนแม่ที่รู้จักกัน ก็คุยกันในกลุ่ม 3 คน ทุกคนก็บอกว่าเห็นความสำเร็จของคนอื่น ก็หลงเชื่อสมัครไปทั้ง 3 คน แล้วก็พากันไปฟังอบรมที่ขอนแก่น ฟังแล้วก็อยากสมัครอีก และเขาก็บอกว่าถ้าสมัครวันนี้ จะได้จับทองคำ แม่ก็เลยสมัครไป 2.5 หมื่นบาท เพื่อจะได้เป็นดาวน์ของเรา เพราะแม่อยากชิงทองคำ แต่ตอนกลับ ก็ไม่เห็นมีการจับของรางวัล เรื่องของการฝึกการขาย จะมี “แม่ทีม” พาไปที่บ้านเพื่อสอนทำเฟซบุ๊ก เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าปก เป็นรถซูปเปอร์คาร์หลาย ๆ สี ตนทำใจไม่ได้ก็เลยไม่เปลี่ยน สอนการแปะลิงค์ สร้างตะกร้า โดยแยกเป็นการขายออนไลน์สั่งกับบริษัท ของเราที่ได้มาจะเป็นการขายตรง ซึ่งเราก็ขายใครไม่ได้ คนรู้จักก็มีแต่สินค้าชนิดเดียวกัน

น.ส.ตาล เล่าต่อว่า แต่พอทำไปได้สักพัก เขาก็โอนเงินมาให้เราหลักหมื่น จำไม่ได้แม่นเพราะผ่านมานานแล้ว ตนก็ดีใจ แต่เขาบอกให้เราโพสต์ในฟีดว่า ทำแปบเดียวก็ได้เงิน บางคนก็ได้แคมเปญไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ตนไม่ได้ไป หลังจากนั้นก็ขายอะไรไม่ได้ ของยังเหลืออยู่ตั้งเยอะ คนอื่นก็ไม่ต่างกัน เสียความรู้สึกตรงนี้ เหมือนเขาขายฝัน พูดตามตรง ถ้าเอาเงินมาลงตู้ไอติมยังจะได้เงินง่ายกว่านี้อีก เห็นกำไรแน่นอน อันนี้มันยากมากที่จะได้ เพราะราคาสูง เขาสอนทำเฟซบุ๊ก แต่ไม่ได้สอนการขายอีกเลย เหมือนได้เงินไปแล้วก็ปล่อยมือเราเลย ไม่มีการมาเสนอให้สั่งของเพิ่มอีก จะมีแต่มาบอกว่า ถ้าได้ยอดเท่านี้จะได้ของแบบนี้ ได้ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่

เรื่องนี้ตนคิดมาตลอด แต่ก็หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะแจ้งความดำเนินคดียังไง หวังว่าทางสื่อมวลชนหรือหน่วยงานอื่น ๆ จะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งก็เป็นจังหวะที่เกิดเรื่องขึ้น จึงได้ออกมาพูดในวันนี้ และของพวกนี้ก็คงทิ้งไปแล้ว เหมือนมีเทวดามาช่วย เงินที่ลงทุนไปก็เป็นเงินที่ไปยืมคนอื่นมา เราก็คาดว่าจะมีกำไร ที่ผ่านมาคนอื่นต้องเสียเงินเพิ่มในการยิงแอดอีกด้วย ครั้งละ 5 พันบาท แต่ตนยิงแอดเอง อยากบอกบอสคนอื่น ๆ ว่า อยากให้ช่วยมารับซื้อคืนด้วย เพราะเห็นว่าเขาขายได้ แต่พวกตนขายไม่ได้ ถ้าไม่มีเรื่องนี้ขึ้น ก็คงต้องกินยาเสริมยาบำรุงของที่มีอยู่ส่วนอื่นที่ไม่ได้ใช้ก็คงต้องทิ้งไป จริง ๆ เขาก็ไม่ได้หลอก แต่เราเองที่คิดน้อย เชื่อตามผู้ใหญ่ที่เรานับถือ หาสมาชิกมาเพิ่ม เขาทำไปก็คงอยากได้เงินคืน แต่ตนก็ไม่ทำแบบนั้น เพราะคิดว่าเหมือนไปหลอกคนอื่นมาเพิ่มอีก เราโดนหลอกมาแล้ว ก็ไม่อยากให้คนอื่นโดนเพิ่ม มันน่าสงสารเพราะมีแต่คนขายแต่ไม่มีคนซื้อ

ขณะที่ น.ส.อ๋อย (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี เล่าว่า ช่วงนั้นโควิดระบาดหนัก ได้รู้จักธุรกิจนี้จากเพื่อนรุ่นพี่ที่กรุงเทพฯ โทรมาชักชวนให้ลงทุนร่วมกัน มีการอวดอ้างว่า “ดิไอคอน” เป็นบริษัที่น่าเชื่อถือ มี “บอสพอล” เป็นเจ้าของ เขาได้เจอตัวจริงแล้ว เป็นคนอัธยาศัยดี น่ารัก เป็นกันเอง บริจาคเงินครั้งละเป็นล้าน ๆ เป็นคนใจบุญ ภายหลังได้เข้าไปฟังโปรเจ็คนี้ในซูม เพื่อให้รู้จักธุรกิจนี้มากขึ้นทำให้รู้สึกว่า เป็นบริษัทที่ดี เครื่องมือดี ลูกค้าดี การตลาดดี ผลตอบแทนดี ใครที่มาทำธุรกิจที่นี่สำเร็จแน่นอน รวยแน่นอน

น.ส.อ๋อย เล่าอีกว่า ตอนนั้นตนเป็นคุณแม่ลูกอ่อน พึ่งคลอดน้องได้ 7 เดือน อยากทำธุรกิจออนไลน์จึงลงทุนเปิดเป็น “ดิลเลอร์” 2 ครั้งเป็นเงิน 5 แสนบาท และอยู่ทีม “บอสปัน” หรือ “แม่ปัน” ที่มีแมคลาเลน ( McLaen)คันใหญ่ ๆ ส่วนเงินที่เอามาลงทุนก็เป็นเงินเก็บและเงินที่หยิบยืมมา เพราะอยากประสบความสำเร็จ จากนั้นเมื่อเปิดบิลแล้ว ก็จะได้ไปนั้่งเรียนโดยเขาจะเน้นให้ไปหาคนมาร่วมทีม เพื่อให้เป็นนักเรียนในรุ่นต่อไป เพื่อให้ได้นักเรียนเยอะ ๆ จึงไปชักชวน นักเรียน เพื่อนพี่น้องของเรา ให้มาทำตรงนี้ด้วย ปรากฏว่ามีหลายคนยอมเปิดบิล 2.5 แสนบาท ตนแรก ๆ ตนพอจะขายสินค้าได้บ้าง ขณะที่เพื่อนพี่น้องขายไม่ได้เลย จนสุดท้ายตนรู้สึกผิด และเสียใจที่ทำให้เพื่อนพี่น้องต้องมาเสียเงินโดนใช่เหตุ จึงได้เลิกไม่ทำต่อ สินค้าก็ยังกองอยู่ในบ้าน ก่อนจะแจกจ่ายให้คนรู้จัก ทุกวันนี้ได้แต่นอนร้องไห้ ที่ทำให้แฟนผิดหวัง เอาเวลาไปเรียนออนไลน์จนไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก.