จากกรณีมีผู้เสียหายจากการลงทุนทำธุรกิจกับ “ดิไอคอน” แล้วปรากฏว่าขายของไม่ได้ทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ภายหลังมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารและทีมงานเกี่ยวข้อง ทั้งที่บก.ปคบ. และ สถานีตำรวจใกล้บ้าน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นางมลฤดี (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี อดีตแอร์โฮสเตส สายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายระดับดีลเลอร์ ด้วยเงินลงทุน 25,000 บาท เมื่อปี 2565 ซึ่งในขณะนั้นได้ลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านและดูแลลูกฝาแฝด จึงอยากมีอาชีพเสริมเพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว จนกระทั่งได้เห็นโฆษณาทางแอปพลิเคชัน เฟซบุ๊ก ชักชวนเรียนการทำตลาดออนไลน์ในราคา 98 บาท จึงได้ตัดสินใจเข้าไปสมัครเรียน

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 349935-960x1280.jpg

ต่อมามีผู้ชักชวนให้ทำธุรกิจ “ดิไอคอน” ซึ่งตนก็ได้หาข้อมูลและก็พบว่ามีทั้งดารา และบุคคลที่มีอาชีพน่าเชื่อถือ เช่นแพทย์ พยาบาล นักธุรกิจ รวมถึงเพื่อนแอร์โฮสเตส ซึ่งตนได้ลงทุนกับบริษัทดังกล่าวรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 298,000 บาท และยังมีค่ายิงแอดอีก 90,000 บาท ค่าซื้อรายชื่อลูกทีมอีก 4,000 บาท โดยค่ายิงแอดและค่ารายชื่อได้ทำการโอนไปยังแม่ทีม รวมเป็นเงินมากกว่า 3 แสนบาท

ในการสมัครระดับซุปเปอร์ไวเซอร์ เราได้รับสินค้าเป็น “คอลลาเจน” แต่เมื่อได้รับสินค้าแล้วกลับถูก “แม่ทีม” ห้ามไม่ให้จำหน่ายสินค้าออกไปสู่บุคคลภายนอก โดยอ้างว่า ให้เราทดลองกินสินค้าด้วยตนเอง เพื่อที่จะสามารถไปบอกต่อกับลูกทีมและการทำธุรกิจที่สำคัญก็คือ การหาลูกทีมเข้ามาและหากต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ต้องสมัครในระดับดีลเลอร์

ตนพยายามทำการตลาดและหาลูกทีม แต่ไม่สำเร็จเงินที่ลงทุนไปไม่ได้กลับคืนมา แล้วยังมีสินค้าค้างอยู่จำนวนมาก จึงได้ตัดสินใจนำเอาออกมาโพสต์ขาย แต่ต่อมามีลูกค้าทั่วไปซื้อไปรับประทานแล้วพบ “เชื้อรา” ในคอลลาเจน แต่เมื่อติดต่อไปยังบริษัทแม่กลับไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับคุณภาพสินค้า ตนจึงได้ตัดสินใจเลิกขาย หลังจากไปเข้าร่วมประมาณ 1 ปี

นางมลฤดี กล่าวด้วยว่า หลังปรากฏเป็นข่าวขึ้นมา สมาชิก ได้มีการสอบถามไปยังแม่ทีมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งแม่ทีมที่ชื่อ “คุณจิ๊บ” ได้กำชับไม่ให้ลูกทีมเข้าแจ้งความเด็ดขาด มีการข่มขู่ว่า “…การทำธุรกิจของดิไอคอน ถูกต้องตามกฎหมายและหากใครไปแจ้งความก็จะถูกดำเนินคดีกลับในภายหลัง…”

ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา “โค้ชเดียว” หนึ่งในผู้บริหาร “ดิไอคอน” ก็ได้เปลี่ยนชื่อตัวเองจาก “Mai เดียว” ในกลุ่มไลน์เป็น 555 ก่อนจะทำการลบสมาชิกจำนวนมากออกจากกลุ่ม และก็ไม่สามารถติดต่อ คุณจิ๊บ ที่เป็นแม่ทีมได้อีก ตนจึงตัดสินใจแจ้งความออนไลน์ดังกล่าว.