เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) จะนัดประชุมในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เพื่อเคาะชื่อคนที่จะมานั่งกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. … มองว่าล่าช้าหรือจะทันก่อนปิดสมัยประชุมหรือไม่ ว่า เรายังไม่รู้ว่าวันนี้ทางวุฒิสภาจะมีท่าทีถอยหรือไม่ ซึ่งหากวุฒิสภามีท่าทีถอยเพื่อทบทวนก็จะไว แต่หากวุฒิสภายืนยันเช่นนั้นก็จะต้องขยายไปอีก 180 วัน แน่นอนว่าแก้ไขไม่ทันสมัยรัฐบาลนี้ แต่คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจอะไรขึ้นว่าต้องเห็นแก่บ้านเมือง ต้องเดินไปอย่างไร

เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีข้อเสนอหรือทางออกระหว่างสองสภาอย่างไรหรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ไม่มีทางออกอะไรเลย เรื่องนี้มันตัน หากวุฒิสภาต้องการทำให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องทบทวนมติ คือการเอาเสียงข้างมากของคนที่มาใช้สิทธิ แต่หากวุฒิสภายังยืนกรานที่จะเอาเสียงข้างมากสองชั้น ตรงนี้ก็จะเหนื่อย และไม่มีสิทธิที่จะเสนอแนะอะไรได้เลย เพราะอยู่ที่วุฒิสมาชิกเขาคิดอย่างไรเท่านั้นเอง

เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้คิดว่ามีปัจจัยอะไรที่จะทำให้การทำประชามติเกิดความล่าช้า นอกจากวุฒิสภาอีกหรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ไม่มีแล้ว มันอยู่ที่ สว.หาก สว.ให้ผ่านทุกอย่างก็จบ ทุกคนก็รู้และปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้ใครคุมอำนาจของ สว.อยู่

เมื่อถามอีกว่า ต้องมีการพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจกับทาง สว.หรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ต้องใช้คนระดับหัวหน้าพรรคประสานในการแก้ปัญหาเรื่องนี้

เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงให้หัวหน้าพรรคไปคุยกับวุฒิสภาใช่หรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรคจำนวนมาก วันนี้ใครที่ดูแลวุฒิสมาชิก แค่พรรคสองพรรคไปคุยกันตรงนี้ก็จบแล้ว และวันนี้เป็นที่โจษจันของสังคมอยู่แล้วว่า สว.เป็นกลุ่มก้อนของใคร จะให้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไปคุยได้อย่างไร เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวุฒิสมาชิกเลย.