หนึ่งในนั้นคือ Lotte World Adventure Busan : Magic Forest สวนสนุกที่ว่ากันว่าใหญ่กว่าของเดิมในกรุงโซลถึง 4 เท่า และเปิดประตูต้อนรับทันทีที่การเดินทางเริ่มกลับมาอีกครั้ง แถมฝั่งตรงข้ามยังมี Lotte Premium Outlets ถูกใจขาช้อปด้วย

ทว่าภาพจำของปูซานสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ได้มีสวนสนุกหรือเอาท์เล็ตอยู่ในอันดับต้น ๆ แต่เป็นภาพของบ้านเรือนแบบดั้งเดิมตั้งแต่ยุคบุกเบิกซึ่งตั้งไล่เรียงอยู่ตามเนินเขาไม่ห่างจากชายทะเล แน่นอนว่าอันดับหนึ่งต้องยกให้กับ Gamcheon Culture Village หมู่บ้านวัฒนธรรมที่เคยอยู่ในฐานะชุมชนแออัดของเหล่าผู้ลี้ภัยสงครามที่ชื่อ แทกึกโด เมื่อเวลาผ่านไปหมู่บ้านแห่งนี้เริ่มถูกปล่อยให้ทิ้งร้างจนมีสภาพทรุดโทรม

ปี 2009 กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ชักชวนศิลปินทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นมาช่วยกันพลิกโฉมอดีตสลัมแห่งนี้โดยบ้านบางหลังที่ถูกทิ้งร้างถูกทาสีใหม่และปรับปรุงสภาพภายนอกให้คงเดิม จนกลายเป็นหมู่บ้านสีพาสเทล ที่มีชิ้นงานศิลปะกระจายตัวอยู่หลายจุดในพื้นที่ จุดฮิตที่ใคร ๆ ต้องมาเช็กอินคือรูปปั้นเจ้าชายน้อยที่นั่งมองดูหมู่บ้านจากมุมสูง ขณะที่บริเวณโดยรอบเปลี่ยนเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขนม ของว่าง และคาเฟ่ที่มักยึดทำเลมุมสูงให้นั่งชมวิวเมือง หนึ่งในนั้นคือ Coffee It House ที่อยู่ริมถนนเลยทางเข้าหมู่บ้านไปราว 100 เมตร

วันนี้ชุมชนเก่าที่ถูกแปลงโฉมเป็นสีพาสเทลไม่ได้มีแค่หมู่บ้านคัมชอน แต่ยังมีชุมชนผู้อพยพจากสงครามเก่าริมทะลอย่าง Huinnyeoul Culture Village ด้วยอีกแห่ง หมู่บ้านฮวินยออุลได้รับการแปลงโฉมใหม่ในปี 2011 ด้วยความที่อยู่ชิดติดริมทะเลจึงได้เปรียบเรื่องวิวมากกว่า บ้านเก่าหลายหลังจึงกลายเป็นคาเฟ่ที่เปิดรับลมทะเล พร้อมกับชมทะเลสีครามเบื้องหน้า แถมยังมีทางเดินเลียบทะเลให้เดินเล่นได้ด้วย แต่บอกเลยว่ามาหมู่บ้านนี้อาจจะต้องฟิตกำลังขามาให้ดี เพราะต้องปีนป่ายขึ้นลงบันไดเกือบตลอดทาง

หมู่บ้านสีพาสเทลอีกแห่งที่ต้องใช้กำลังขาไม่น้อยหน้ากัน Dakbatgol Mural Village เป็นอีกชุมชนเก่าในปูซานที่เหล่าศิลปินมาช่วยกันคืนชีวิตชีวาให้กับหมู่บ้านด้วยสีสันแบบพาสเทล ต่างกันตรงที่นี่ได้รับการฟื้นฟูหลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่สถานีปูซาน ในปี 1953 จิตรกรรมฝาหนังหลากรูปแบบที่กระจายอยู่ทั่วชุมชนมีธีมที่แตกต่างกัน 6 ธีม สร้างสรรค์โดยศิลปิน Gu Bon-ho โดยร่วมกันกับชาวบ้านในพื้นที่ในปี 2010 ทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าเป็นหมู่บ้านจิตรกรรมฝาผนัง ทักบัดกล ว่ากันว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นี่จะสวยที่สุดเพราะต้นพ็อดกดที่แทรกตัวอยู่ในจุดต่าง ๆ จะพากันออกดอกบานสะพรั่ง เพิ่มสีสันให้กับหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้นไปอีก

นอกจากจะเดินเข้าตรอกนู้นออกซอยนี้ ไต่ขึ้น-ลง แต่ไฮไลต์ของย่านนี้จะอยู่ที่ Stairs of Wishes บันไดแห่งความปรารถนา 192 ขั้น ที่ว่ากันว่าเดินขึ้นไปแล้วอธิษฐานจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง แต่สำหรับผู้อาศัยในย่านนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เมืองปูซานมีการจัดทำโมโนเรลแบบ 2 ที่นั่งขึ้น โดยไต่ขึ้นไปตามความสูง มีป้ายจอดระหว่างทางให้ขึ้น-ลง เพื่อเดินต่อเข้าบ้านคล้ายกับลิฟต์ที่จอดแต่ละชั้น นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนหากอยากลองนั่งดูบ้างต้องรอช่วงที่ไม่มีชาวชุมชนมาใช้บริการ เพราะกฎเหล็กของโมโนเรลนี้ที่ติดป้ายไว้ก็คือ ให้บริการผู้อาศัยในชุมชนก่อนเป็นอันดับแรก แอบกระซิบว่าถ้าพอมีแรงเดินขึ้นไปสักครึ่งทาง สามารถลองนั่งโมโนเรลที่อยู่อีกครึ่งทางด้านบนซึ่งไม่ค่อยมีใครใช้บริการได้ เพราะโมโนเรลจุดนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ณ จุดกลางที่มีถนนตัดผ่านนั่นเอง ถ้ามาเดินเล่นในชุมชนนี้เจ้าของพื้นที่ฝากบอกว่า ถ่ายรูปได้เต็มที่ทุกซอกมุมแต่ขออย่าเสียงดังรบกวนผู้อาศัยเท่านั้น

ที่เที่ยวสีพาสเทลของปูซานยังไม่หมดเท่านี้ ออกนอกเมืองมุ่งหน้าไปที่ Jangnim Port ที่จอดเรือและชุมชนประมงพื้นบ้านขนาดเล็กจังนิม สองฟากฝั่งที่เรือจอดอยู่นั้น มีตู้คอนเทเนอร์ที่ชาวประมงเช่าไว้เก็บของเรียงรายอยู่ เมื่อถูกทาสีใหม่สไตล์
พาสเทลมีเรือลำเล็ก ๆ ลอยอยู่ด้านหน้า จึงดูคล้ายกับเกาะมูราโนในเมืองเวนิส ที่นี่จึงมีชื่อเล่นว่า บูเนเซีย หมายถึงเมืองเวนิสแห่งปูซาน ว่ากันว่าช่วงพระอาทิตย์ตกที่นี่จะสวยงามมากเป็นพิเศษ จุดเด่นอีกอย่างที่นักท่องเที่ยวชอบแชะแล้วแชร์ก็คือ อาคารห้องนํ้าสาธารณะที่สร้างเป็นรูปกังหันลมสไตล์ชนบทขนาดยักษ์

กลับเข้ามาใจกลางเมืองที่ Jeonpo Steel Road ย่านการค้าอะไหล่เครื่องจักรคล้ายกับเซียงกงของบ้านเรา ที่วันนี้แปลงร่างกลายเป็น Jeonpo Cafe Street ถนนสายคาเฟ่ที่มีกิจกรรมล่าสุดอย่างการจ้างช่างภาพตามติดเพื่อเก็บภาพสุดชิคแบบไม่พลาดจุดไฮไลต์ซักจุด เรียกว่าไม่ต้องไปควานหามุมฮิตเอง เพราะช่างภาพส่วนตัวจะพาไปแชะจนครบแน่นอนภายในเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นค่อยแวะนั่งชิลคาเฟ่ที่แอบหมายตาไว้ตั้งแต่เดินถ่ายรูป

ยังหยุดชิคไม่ได้ให้ไปต่อที่ Arte Museum Busan พิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบ Immersive Media Art ที่เพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พื้นที่กว่า 8,264 ตารางเมตรที่จัดแสดงงานศิลปะ 19 ผลงาน ถือเป็นพิพิธภัณฑ์อาร์เตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ขณะนี้

นอกจากที่เที่ยวแบบชิคชิคแล้ว คนปูซานยังแนะนำให้ไปนั่งกระเช้าขึ้นยอดเขาแบบย้อนยุคด้วย กับ Geumgang Park Cable Car กระเช้าลอยฟ้าที่มีจุดทางขึ้นอยู่ที่สวนสาธารณะกึมกังใกล้กับหาดซองโด ถือเป็นกระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของเกาหลีใต้ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1964 แม้จะอยู่ใกล้กับซองโดแต่อย่าเข้าใจว่าเป็นกระเช้าอันที่ลอยข้ามทะเลที่คุ้นตา เพราะนี่คือกระเช้าขนาดใหญ่ที่ขึ้นได้พร้อมกันคราวละ 20-30 คน ไปตามเส้นทางผ่านป่าอันอุดมสมบูรณ์ของเขากึมจองเพื่อขึ้นไปยังยอดเขา ขึ้นไปแล้วอยากเห็นสะพานควังอันหรือชมวิวเมืองแบบไร้สิ่งกีดขวางจะต้องเดินขึ้นเขาไปอีกราว 200 เมตรก่อน ใครไม่ไหวนั่งรอเพื่อนพลางชมป่าสนที่โอบล้อมอยู่ไป กินไอศกรีมเมลอนไปพลาง

มาย่านนี้แล้วต้องแวะ วัดพอมอซา ด้วย วัดเก่าแก่อายุกว่า 1,300 ปีแห่งนี้ ถือเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของปูซาน ด้วยความที่สร้างมาตั้งแต่สมัยชิลลา ทำให้ภายในวัดยังมีโบราณวัตถุที่คงอยู่มาถึงทุกวันนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์หินสามชั้น ประตูเสาเดียว ประตูแรกที่เข้าสู่วัด ที่เรียกแบบนี้เพราะเมื่อมองจากด้านข้าง ประตูดูเหมือนมีเสาต้นเดียวรองรับซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเส้นทางแห่งการตรัสรู้ที่แท้จริงเส้นทางเดียวที่คํ้าจุนโลก โคมไฟหินส่วนหนึ่งของวัดเดิมที่ถูกไฟไหม้ในปี 1592 ส่วนห้องโถงใหญ่นั้นสร้างขึ้นในปี 1614 หลังจากที่วัดถูกไฟไหม้ระหว่างการรุกรานของญี่ปุ่น

ปิดท้ายยามคํ่าคืนด้วยการล่องเรือยอชท์ บอกเลยว่าเที่ยวแบบเอ็กซ์คลูซีฟแต่ราคาเบาจนไม่น่าเชื่อ กับการล่องเรือยอชท์ไปในอ่าวปูซานยามพลบคํ่า โดยมีสะพานควังอันที่เปิดไฟแพรวพราวเป็นฉากหลัง นอกจากจะเปิดเพลง K-POP ยอดฮิตบิวท์ให้ตลอดเวลาแล้ว เมื่อไปอยู่จุดใกล้สะพานที่เห็นแบบเต็ม ๆ แล้ว ก็ถึงเวลาจุดพลุสร้างสีสันเพิ่มขึ้นไปอีก ลองคิดถึงเรือยอชท์นับสิบลำที่ลอยตัวอยู่ไม่ไกลกัน แล้วจุดพลุพร้อม ๆ กัน แม้ไม่ใช่อีเวนต์ใหญ่อย่างเทศกาลพลุประจำปี ก็ถือว่าเรียกเสียงเฮจากผู้โดยสารได้ไม่น้อย มองย้อนกลับไปจะเห็นตัวเมืองปูซานที่เต็มไปด้วยแสงสีสวยงามไปอีกแบบ

ใครมีแพลนจะมาปูซานแนะนำให้ซื้อบัตร VISIT BUSAN PASS ที่มีให้เลือกแบบ 24 หรือ 48 ชั่วโมง ซึ่งสามารถใช้เป็นบัตรผ่านเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของปูซานที่มีมากกว่า 30 แห่งได้แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ทั้งยังใช้รับส่วนลดจากร้านค้า และเติมเงินใส่บัตรเพื่อใช้แตะขึ้นรถโดยสารสาธารณะได้แบบสบาย ๆ ในบัตรเดียวอีกด้วย ดูเพิ่มเติมที่ www.visitbusanpass.com

อธิชา ชื่นใจ