เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ ถึงกรณีสลายการชุมนุมตากใบที่ใกล้จะหมดอายุความ ว่ารู้สึกกังวลต่อท่าทีอันไม่กระตือรือร้นของรัฐบาล ในการกำกับ ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามตัวจำเลยใน “คดีตากใบ” ซึ่งเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน กระทบกับความมั่นคงของชาติ และคดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. นี้ แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้ตัวจำเลยซึ่งหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส แม้แต่รายเดียว ทั้งยังมีข่าวว่าจำเลยคนหนึ่งหลบหนีไปยังประเทศอังกฤษ และจำเลยอีกคนหนึ่งหลบหนีไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองประเทศดังกล่าวล้วนมีสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทยมาช้านาน

เป็นที่ทราบกันดีว่า “คดีตากใบ” เป็นประเด็นละเอียดอ่อน เกี่ยวพันกับความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ ยาวนาน มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร หากรัฐบาลนี้ไม่แสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา เกรงว่าปัญหาจะบานปลายไปในสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียต่อชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ และความสงบสุขของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปอีก ในฐานะที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ย่อมเป็นห่วงความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง และชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ใคร่ขอเสนอความเห็นต่อการแก้ปัญหา “คดีตากใบ” ดังนี้

1. รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี ควรแสดงความจริงใจ กระตือรือร้นในการติดตามตัวจำเลยมาเข้ากระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ก่อนที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. นี้ เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีจำเลยเป็น สส.ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคุณแพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นทั้งหัวหน้าพรรคและเป็นหัวหน้ารัฐบาล ยิ่งต้องแสดงสปิริต ไม่ปกป้อง หรือช่วยเหลือการหลบหนีเพื่อไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อันอาจเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ให้ผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นได้ อันจะไม่เป็นผลดีต่อประชาชน ประเทศชาติ และรัฐบาลเอง

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า การมีสัมพันธ์อันดีกับประเทศอังกฤษและประเทศญี่ปุ่นดังกล่าว สามารถเจรจาส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ตามกระบวนการกรณีมีสนธิสัญญา ส่วนกรณีไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน การเจรจาทางการทูตก็สามารถคลี่คลายปัญหาได้ระดับหนึ่ง ให้ประชาชนได้เห็นความพยายามในการประสานงานแม้เวลาใกล้จะหมดอายุความในการดำเนินคดี

หากรัฐบาลดำเนินการให้เห็นความกระตือรือร้น จริงใจต่อกระบวนการติดตามตัวจำเลยดังกล่าว ก็จะส่งผลให้ญาติผู้เสียหาย ประชาชนทั่วไป ตลอดจนนานาชาติเห็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะคลี่คลายปัญหา “คดีตากใบ” อันจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและรัฐบาลเอง

2. กรณีมีสมาชิกของพรรคไทยสร้างไทยเสนอความเห็นให้นายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการ “ขอโทษต่อสาธารณะ” (Public Apology) โดยแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บ ในเหตุการณ์ความไม่สงบใน “คดีตากใบ” พรรคไทยสร้างไทย เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวอันถือได้ว่าเป็นการเยียวยาทางด้าน “จิตใจ” หลังจากมีการเยียวยาเป็น “ตัวเงิน” กับญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไปแล้ว

อนึ่ง เป็นที่น่ายินดีว่า ในการประชุมใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับเลือกจากสมาชิกให้เป็น “คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ” นับเป็นตำแหน่งที่เป็นเกียรติยศของประเทศ ซึ่งรัฐบาลยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ “คดีตากใบ” เพราะองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างให้ความสำคัญติดตาม “คดีตากใบ” อย่างใกล้ชิด เห็นได้จากแม้เป็นเพียงการประชุมในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ด้านการทูตหลายประเทศขอเข้ามาสังเกตการณ์การประชุม

ท้ายที่สุดนี้พรรคไทยสร้างไทย ขอให้กำลังใจรัฐบาลต่อการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน กระทบต่อความมั่นคง ตลอดจนมีปัญหามาอย่างยืดเยื้อ ยาวนาน และปัจจุบันมาอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “คดีตากใบ” ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงของชาติดังกล่าว รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับ “ชาติ” ก่อน “พรรค” และ “บุคคล” แม้ในส่วนของ “พรรค” และ “บุคคล” จะใกล้ชิดกันขนาดไหนก็ตาม “ชาติ” ต้องมาก่อน ซึ่งก็จะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศและเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป