เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ช่วงนี้ยังเดินทางตลอด ไม่ต่างประเทศก็ต่างจังหวัด พยายามเดินทางเพื่อพบปะประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น และพยายามวางแผนการลงพื้นที่ให้ทุกสัปดาห์ ยังอยากลงพื้นที่น้ำท่วมอยู่ เมื่อเวลาเหมาะสม เพื่อไปทำตัวให้เป็นประโยชน์ ไม่ได้ไปเกะกะใคร

เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการทำงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า คงต้องเปรียบเทียบกับแผนงานว่ามีความมั่นใจอย่างไร ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีเป้าหมายจะทำอะไร เลยไม่รู้ว่าจะต้องวิเคราะห์อย่างไร แต่คนเป็นผู้นำ ควรมีวาระ 100 วันแรก ว่าตั้งใจจะทำอะไร เพราะหากไม่มีแผน เวลาเจอปัญหาเข้ามา ก็จะเมาหมัด ไม่รู้ต้องทำอะไรก่อนหรือหลัง จึงอยากให้รัฐบาลมีวาระ และความเข้าใจในการทำงาน เนื่องจากตอนนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งปัญหาภัยพิบัติ และปัญหาเศรษฐกิจ

ส่วนมองภาวะผู้นำของ น.ส.แพทองธาร อย่างไรบ้าง เนื่องจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่เรื่องถือไอแพด จนกระทั่งการแถลงเรื่องทางเดินน้ำผิด นายพิธา มองว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องเนื้อหาเป็นเรื่องสำคัญกว่า ใครก็พูดผิดกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ต้องดูกันที่มีวิสัยทัศน์หรือไม่ มีกลยุทธ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ดีกว่า การอ่านไอแพดเป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่ได้เป็นสาระอะไรเลย

เมื่อถามถึงความนิยมของพรรคประชาชนที่ลดลงตามหลังพรรคเพื่อไทย นายพิธา ยิ้มและกล่าวว่า  ตนพูดตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลแล้วว่า “แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร” จะเป็นเพชรได้ ต้องใช้ทั้งความอดทน ความกดดัน ความร้อน และเวลา เชื่อว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน และเพื่อน สส.ของพรรค คงจะจำบรรยากาศจากอนาคตใหม่มาเป็นก้าวไกลได้ ซึ่งตนได้ใช้คำนี้ในที่ประชุมว่า หากเราผ่านกระบวนการนี้ไปได้ ทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี และขอส่งกำลังใจให้ เพราะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา

นายพิธา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ทุกการเคลื่อนไหวของนายณัฐพงษ์ถูกนำมาเปรียบเทียบกับตนนั้น ก็เป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะวิจารณ์ ส่วนตัวตนมั่นใจในตัวนายณัฐพงษ์มาก ตอนที่พยายามจัดตั้งรัฐบาล นายณัฐพงษ์ก็อยู่ข้างตัวตนอยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นก็มีคนอยากให้นายณัฐพงษ์เป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงมั่นใจว่าผ่านไปได้แน่นอน และที่กระแสหายไปนั้น ก็ไม่เกี่ยวกับตน เป็นเรื่องของกระบวนการ

เมื่อถามว่ามองอย่างไรในกรณีที่พรรคประชาชนโดนบิดไปจนมีการตั้งชื่อพรรคใหม่ให้ว่าพรรคประชาชนพม่าจากการอภิปรายของ สส.ของพรรค นายพิธา กล่าวว่า เราเป็นนักการเมือง ต้องรับฟังความคิดเห็น คำติชม ของประชาชนที่เลือกเรามาเป็นธรรมดา ขณะเดียวกันก็ต้องยืนยันในข้อเท็จจริง ว่าเราเป็นนักการเมืองไทย ต้องเลือกเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก แต่เราก็เป็นส่วนหนึ่งในประชาคมโลก จึงต้องหาจุดสมดุลให้เจอ หากเรามีความจริงใจ และสามารถอธิบายได้ ก็คงเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น ต้องฟังประชาชน เพื่อเอามาปรับปรุง และแยกแยะให้ได้ว่า อันไหนเป็นเรื่องจริง.