เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา, นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง พร้อมด้วยผู้เสียหายกว่า 10 ราย จาก 500 ราย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความหลังร่วมลงทุนบริษัทชื่อดัง

ทนายเดชา เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้มีการรวบรวมผู้เสียหาย ทั้งจากของคุณต้นอ้อ และคุณอี้ รวมของตนด้วย ได้กว่า 500 รายแล้ว แต่ในวันนี้มีตัวแทนผู้เสียหายมาประมาณ 10 กว่าราย เดินทางมาพร้อมหนังสือร้องทุกข์เข้ามาแจ้งความและให้ข้อมูลแก่ตำรวจ โดยจะให้ความสำคัญกับกรณีแชร์ลูกโซ่มากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่คดีการฟอกเงิน และหากพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะขอให้ดำเนินการยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

ด้านนายแทนคุณ ระบุว่า พฤติการณ์ของบริษัทนี้ ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนและโฆษณาเกินจริง เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ เมื่อมีผู้หลงเชื่อจะชักชวนให้ร่วมลงทุน เปิดคอร์สราคา 97 บาท ก่อนขยับเป็นขั้นบันได ไปจนถึง 250,000 บาท เพื่อเป็นดีลเลอร์ และสามารถสร้างทีม และรับผลประโยชน์เพิ่ม และหลังจากน้้นจะมีการโน้มน้าว เชิญชวนให้ยิงแอดโฆษณาหารายได้ เฉลี่ยแล้ว 1 คน จะเสียหายอย่างน้อย 5 แสนกว่าบาท และจากการสอบถามผู้เสียหาย พบว่าดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้มี 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้ได้รับมอบอำนาจในการบริหารโดยตรง มี 5-6 คน กลุ่มสอง กลุ่มของพรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทจ้างมา เพิ่อสร้างความน่าเชื่อถือ มีจำนวนหลายคน และกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่มีความสัมพันธ์ และถูกเชิญเข้าไปร่วมอีเวนต์ของบริษัท โดยผู้เสียหายยืนยันว่าดารากลุ่มแรกมีการเข้ามาบริหารจริง

ด้าน ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง เผยว่า 1 ในผู้เสียหายที่มาเล่าให้ตนฟัง บอกว่าเคยฆ่าตัวตายจากการลงทุนดังกล่าวไป แต่โชคดีรอดมาได้ โดยเริ่มแรกผู้เสียหายรายนี้ตกงาน จึงสนใจร่วมลงทุนรูดบัตรเครดิตไปกว่า 400,000 บาท แต่สินค้าที่ได้รับมากลับขายไม่ได้ จนเกิดความเครียด ประกอบกับมีอาการป่วยโรคประจำตัว ขณะนั้นก็ยังท้องอยู่ 4 เดือน จึงตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่พลเมืองดีช่วยไว้ได้ทัน ขณะนี้ผ่านมาแล้วกว่า 10 เดือน ผู้เสียหายรายนี้ ยังคงต้องใช้หนี้บัตรเครดิตที่รูดมาร่วมลงทุนบริษัทนี้

ขณะที่ ทนายเดชา เปิดเผยว่า จากการที่ แซม ยุรนันท์ แถลงข่าวว่าตนเองไม่มีส่วนในการตัดสินใจของบริษัท ตนเองได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนแล้วว่า การจะดำเนินคดีกับใคร ไม่ได้ดูแค่เพียงคำพูด แต่ต้องดูพฤติกรรมและหลักฐานที่รวบรวมมา ซึ่งดิจิทัลฟุตพรินต์ จะเป็นตัวพิสูจน์ หากดูจากพฤติการณ์ มีโอกาสสูงที่ดาราจะถูกดำเนินคดี แต่ยังไม่ขอระบุว่าเป็นใคร ส่วนใครจะฟ้องกลับก็ยินดีให้ฟ้อง ถ้าบริสุทธิ์จริงก็ตั้งโต๊ะแถลง ตอบคำถามลูกค้าให้กระจ่าง ทั้งนี้ฝากไปถึงแม่ข่าย ขอให้เข้ามาเป็นพยานและแจ้งความ หากไม่มาก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและถือเป็นผู้ต้องหา ทั้งนี้ อยากฝากถึงผู้เสียหายรายอื่น ที่ไม่สามารถเดินทางมาที่ บก.ปคบ. ได้ ก็สามารถเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่บ้านตนเองได้เลย

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ตนตัดสินใจร่วมลงทุนเพราะอยากจะสำเร็จเนื่องจากมีการชักชวนและกล่าวอ้างถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีวลีหลักของตัวเจ้าของหรือบอสใหญ่ว่า “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” ตนจึงตัดสินใจเข้าร่วม และมีการชักชวนให้คนสนิท หรือคนในครอบครัวมาร่วมลงทุนด้วย แต่สินค้ากลับขายไม่ออก เนื่องจากสินค้าไม่ได้คุณภาพ ทำให้คนไม่กลับมาซื้อซ้ำ ตนเสียหายหลักล้าน เมื่อถามหาวิธีขายของกลับไม่ได้คำตอบ ทำให้ตนต้องเสียความสัมพันธ์กับคนสนิทและครอบครัว และธุรกิจดังกล่าว ไม่ได้เน้นขายของ แต่เน้นหาคนให้ร่วมลงทุน.