เมื่อเวลา 18.40 น. ที่เบเนดิกต์ สตูดิโอ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี นักแสดงและนักการเมืองชื่อดัง อายุ 61 ปี ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วนหลังถูกโยงเป็นคนที่มีชื่อในธุรกิจเครือข่ายดัง โดยมีการเล่าว่า

แซม เผยว่า “กับคุณพอล เราเรียนด้วยกัน เรามีไปเยี่ยมธุรกิจของดิไอคอนเช่นกัน มันก็รู้สึกว้าวเช่นกันเพราะเป็นธุนกิจขายของออนไลน์ที่มีระบบชัดเจน มีการโปรโมตความสำเร็จต่างๆ คนเข้ามาในงานมีความหวังเขาจะได้โอกาสดีๆ ในชีวิตต่อไป มันน่าสนใจ พอเขามาเยี่ยมธุรกิจพี่เกี่ยวกับคลินิกและทำธุรกิจเกี่ยวกับเอนไทเอจจิ้ง เขาบอกไม่รู้เลย เขาอยากให้เราไปช่วยพัฒนาสินค้าของเขา พี่ก็เห็นว่ามันคลิกกันได้ดีนะ เขาบอกให้ผมไปดูสินค้าดีกว่า เติบโตในระดับนานาชาติได้อย่างไร ตำแหน่งเป็นการให้เกียรติมากกว่า เหมือนเราเป็นผู้ใหญ่ในบริษัท มีตำแหน่งให้เหมือนคนมีเฉยๆ มีหน้าที่มา แต่ไม่ได้ให้อำนาจในการตัดสินใจมาด้วย เราไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร เราเป็นเซฟโซนของเรา แต่เราไปทำที่ดิไอคอน มันมีความสนุกนะ ได้แชร์ประสบการณ์ดี เราได้รับมอบหมายเรื่องดูแลสินค้า แต่เป็นที่ปรึกษามากกว่า คนที่จะเคาะเยสหรือโนทั้งหมดมีคนเดียว ซึ่งมันจะมีคลาสสินค้า คนที่สนใจสินค้าว่าสินค้าคืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง ข้อควรระวัง นี่เป็นคลาสของพี่ ในแต่ละอาทิตย์จะมีเรียน ของพี่เรียนห้องสินค้า เล่าสินค้าคืออะไร ใครควรใช้ และใครไม่ควรใช้บ้าง ผมให้ข้อมูลนะ แต่ใครจะดำเนินธุรกิจยังไงก็แล้วแต่เขา และในแต่ละเดือนจะมีงานที่ประกาศว่า ใครขายดี ในแต่ละเดือน เราเห็นแต่คนมีความหวัง มีความสุข และคนที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่เราเข้าบริษัท เราเห็นแต่เรื่องดีๆ เรื่องไม่ดี เราไม่ได้เห็น พอเห็นข่าว ก็ตกใจ พอเห็นคนตกทุกข์ได้ยาก แค่นั้นคนไทยก็เป็นห่วงกันแล้ว แต่เรื่องนี้คือตกใจ พี่เองก็อยากรู้มันเกิดอะไรขึ้น การที่พูดกันไปมา มันไม่เกิดการช่วยเหลืออะไรเลย บางทีดราม่ามันมา อาจจะมีความคนที่ไม่โอเคหรือเปล่า คือมันอาจจะมีการไม่ชอบใจกันได้ และคนที่ไม่ชอบกัน อาจจะโจมตีกันไหม แต่คนที่เดือดร้อนพี่จะปัดความรับผิดชอบได้เหรอ มันปัดไม่ได้ แต่ความรับผิดชอบของพี่มันไปถึงตรงไหนล่ะ ตอนนี้เรื่องผิดถูกอีกเรื่องหนึ่ง”

“เอาจริงๆ คนที่เดือดร้อนพี่ว่าต้องเข้าไปดูแลและเยียวยานะ พี่ตอบแทนบริษัทไม่ได้ เขาตอบรับมาว่า เขาไม่ได้รู้ทั้งหมด ว่ามีคนฆ่าตัวตายด้วยเหรอ เขาเพิ่งรู้ พี่รับรู้ในส่วนของพี่ เรื่องบริษัทก็รับรู้ประมาณหนึ่ง ถามว่าคนมองเป็นธุรกิจหลอกหลวง พี่ไม่ได้รู้เลย เอาเป็นว่าก่อนที่จะไปอยู่บริษัทไหน พี่ระวังตัวมากอยู่แล้ว การเป็นพรีเซ็นเตอร์สักตัว พี่ต้องดูตลอด ว่าถูกต้องไหม ผ่าน อย.ไหม สินค้าดีหรือเปล่า พี่กลั่นกรองแล้วกลั่นกรองอีก พี่มาอยู่กับดิไอคอน ก็สแกนดูนะ มีใครเป็นผู้ถือหุ้นบ้าง ใครทำอะไร ทำธุรกิจแบบไหน เป็นแชร์ลูกโซ่ไหม ถ้าเป็นแชร์ลูกโซ่มันไม่มีสินค้าและบริการเลย มันลอยๆ แต่นี่มี พี่เป็นคนไม่เก่งเทคโนโลยี พอมาอยู่ตรงนี้ก็เพิ่งรู้เรื่องออนไลน์จากที่นี่ แต่ถ้าสมมุติข้อกล่าวหาจริงๆ ว่าเขาหลอกหลวง ก็ต้องหาให้เจอว่าใครหลอกลวง ไปหลอกยังไง ก็ต้องหาให้เจอ เป็นข้อกล่าวหา เอาผิดใครไม่ได้ ถ้าผิดพี่ก็ไม่เข้าข้างคนผิดนะ ผมได้คุยกับพอลแล้ว ตอนแรกเขาบอกว่าเขาจะแถลงข่าว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพี่ต้องพูดวันนี้ พี่บริสุทธิ์ใจในการพูดมากกว่า ถ้าได้พูดคุยกัน มันมีประโยชน์ต่อหลายๆ ฝ่ายนะ และคนที่ทำธุรกิจนี้ มันมีหลากหลายนะ พี่ก็ถามคุณพอลนะ ว่าทำอะไรผิดไหม เขาบอกไม่ได้ทำ แต่ยังไงเราก็ต้องช่วยกันเยียวยาคนเดือดร้อน พี่เสนอไอเดียนะ พี่คิดว่ามีทางออกร่วมกัน และมันจะไปตอบกลับอีกหลายๆ บริษัท คือจะรู้จักระบบนี้มากขึ้น”

แซม เล่าต่อว่า “พี่เข้ามาอยู่ดิไอคอน เข้ามาปลายปีเอง ไม่ครบปีเลย แต่ที่พี่เห็นนะ ตอนนี้เราไม่ได้พูดว่าสินค้าไม่ได้ไม่มีคุณภาพ แต่มันคือการขายไม่ได้ กับเรื่องนี้พี่เสนอบริษัทไปนะ แต่ในฐานะที่เกิดมาพี่อยู่กับประชาชนมาตลอด ไม่ว่าจะเล่นหนัง เล่นละคร ก็อยู่กับประชาชน ถ้าเราช่วยได้ส่วนตัว ก็ช่วยได้ แต่ถ้าบริษัทพี่รับฟังได้ ไปถ่ายทอดต่อได้ แต่จะได้ผลลัพธ์ยังไงพี่ตอบไม่ได้ ตอนคุยกับพอล เขาไม่ได้เล่าวิธีแก้ไขปัญหานะ คือเมื่อวานเห็นกับตาคือเขาแซด (เสียใจ) มากนะ ไม่คิดว่าเรื่องจะมาถึงตอนนี้ ตรงนี้สเต็ปหนึ่ง สอง หรือสาม เขาไม่ได้เล่านะว่าจะทำอะไรต่อไป คือเขาบอกว่าเขาทำธุรกิจมาเพื่อให้โอกาสคน แต่คนไหนไปไม่ถึง ล้มเหลวมาคุยกัน พี่ว่าน่าจะโอเคกว่า กับเรื่องราวที่ตัวแทนฆ่าตัวขายของไม่ได้ ยืนยันว่าไม่มีใครรู้ แต่เรื่องขายไม่ได้หมดเลย จนบ้านถูกยึด ทุกคนตกใจว่าขนาดนั้นเลยเหรอ มันอยู่ในโลกออนไลน์ เราไม่เจอบุคคลนั้น ไม่รู้ยังไง แต่ที่ออกมาพี่ไม่ได้กลัวนะ พี่มั่นใจว่าพี่ไม่ได้ผิด พี่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย พี่ทำหน้าที่ของพี่ ได้ค่าตอบแทนในส่วนพี่เท่านั้น”

“สถานะพี่คือไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่พี่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่มีสิทธิกำหนดทิศทางบริษัท พี่ได้แค่นำเสนอ พี่ได้รายได้จากบริษัทนี้คือสินค้าตัวไหนที่เราช่วยคิดก็ได้เปอร์เซ็นต์ จากยอดขาย พี่ไม่ได้มีหุ้นนะคะ บริษัทนี้พี่ไม่มีหุ้นส่วนเลย มีเขา (คุณพอล) คนเดียว ข้อดีคือการตัดสินใจคนคนเดียว ข้อดีอยู่ตรงนั้น ตอนแรกมองว่าคือข้อเสียนะ แต่ตอนนี้คือข้อดี เพราะเราไม่มีส่วนในการตัดสินใจเลย เรื่องเงิน ไม่ได้บอกเป็นตัวเลขนะครับ เพราะแต่ละเดือนไม่เท่ากัน พี่ผ่านบริษัทมาหลายบริษัทนะ มันมีผู้ถือหุ้น มีประธาน มีอื่นๆ ที่นี่ดิไอคอน ไม่มีแบบนั้นนะครับ เรื่องเพื่อนๆ ของเรา น้องมิน พีชญา ก็ตกใจ ที่ถูกด่าลามไปถึงครอบครัวและการทำธุรกิจของเขามาตลอด คืออย่างพี่ต้องบอกก่อนว่าพี่ระวังตัวอยู่แล้ว พี่ไม่อยากเป็นจำเลยนะ เราก็ออกมาพูดในมุมเรา เพราะเราไม่ได้รู้ทุกเรื่องนะและเราก็ไม่ได้ไปต่อกับดิไอคอน เพราะพี่อยากเป็นเจ้านายตัวเองมาตลอด ดังนั้นพี่ไม่ได้รู้ทุกเรื่องและพี่ย้ำว่าพี่ไม่ได้พูดในฐานะจำเลยนะ ถามว่าเสียใจไหมที่ถูกมองว่าเป็นธุรกิจหลอกลวงและมีชื่อเราเข้าไปด้วย การที่พี่พูดไม่ได้แก้ตัว เราให้ข้อมูล และพูดกี่ครั้งข้อมูลก็จะเป็นแบบนี้ เพราะเรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่หลังจากนั้น ตัดสินยังไง ก็ว่ากัน”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก sam_yuranan