เมื่อวันที่ 9 ต.ค.  ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์และระบบสมอง และระบบภูมิคุ้มกันและการติดเชื้อทางสมอง และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ให้เปิดเผยว่า ขณะนี้เราต้องจับตาเรื่องการเสียชีวิตกะทันหัน เนื่องจากมีรายงานการศึกษาในต่างประเทศ ทั้งเยอรมัน สหรัฐอเมริกา และหลายประเทศในยุโรป เมื่อราวๆ ปี 2021-2023 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการฉีดวัควัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ชนิด mRNA แต่พบผู้เสียชีวิตกะทันหันโดยไม่มีโรคระบบอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเมื่อมีการพิสูจน์ศพอย่างละเอียดพบว่า กล้ามเนื้อหัวใจมีการอักเสบเป็นหย่อมๆ จึงมีการเชื่อมโยงว่ากระจุกการอักเสบ รวมถึงแผลเป็นจากการอักเสบเหล่านี้ ไปขัดขวางการควบคุมไฟฟ้าหัวใจให้เต้นไม่เป็นปกติ หรือหัวใจหยุดเต้นไปเลย หรือเต้นๆ หยุดๆ ทำให้เกิดการเสียชีวิตหรือไม่  

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของไทยมี รพ.ภูมิพล รพ.สมิติเวชศรีนครินทร์ และรพ.เวชศาสตร์เขตร้อน ทำการวิจัยในคนอายุ 18 ถึงอายุยี่สิบกว่าๆ ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 และติดตามไป และมีการเจาะเลือดตรวจ มีการทำเอ็มอาร์ไอ (MRI) พบว่า 20-30% มีอาการผิดปกติทางหัวใจ หัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ไม่มีใครเสียชีวิต แต่ระยะหลัง บางคนมีอาการเจ็บหน้าอก บางคนหัวใจเต้นเร็ว บางคนไม่มีอาการอะไร แต่พอตรวจเลือด ทำเอ็มอาร์ไอ พบว่า ในระยะแรกมีการอักเสบจริง แม้พ้นไป 1 ปี ตรวจซ้ำพบว่า บางรายยังมีการอักเสบอยู่ แต่ส่วนมากหาย และกลายเป็นแผลเป็น จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่แผลเป็นเหล่านี้จะไปขัดขวางการทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจหยุดเต้น และเกิดการเสียชีวิตกะทันหันหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกชิ้น มีการนำคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่ได้ติดโควิด ประมาณ 300 คน มาทำ PET/CT Scan หรือการตรวจโดยการใช้สารเวชศาสตร์นิวเคลียร์เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วเทียบกับคนอีก 703 คน ที่ฉีดวัคซีน หลัง 6 เดือนปรากฏว่า คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนไม่มีใครมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แต่ 703 คนที่ฉีด มีการอักเสบโดยไม่มีอาการทางหัวใจใดๆ ดังนั้นเป็นไปได้ที่จะมีหัวใจอักเสบครุกรุ่นและอยู่นานถึง 6 เดือน โดยที่ไม่รู้ตัว หากไม่ตรวจ PET/CT Scan แต่การจะตรวจด้วยวีธีนี้มีค่าใช้จ่ายสู. ทำให้ไม่สามารถตรวจคนจำนวนมากได้ และมีคนที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ออกมา อย่างไรก็ตาม หลัง 1 ปี การอักเสบเหล่านี้ก็กลายเป็นแผลเป็น

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า วัคซีนชนิดดังกล่าวพ่วงอันตรายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ต้องหยุดการฉีดวัคซีน mRNA ไปก่อน ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนดังกล่าวไปแล้วสามารถสังเกตว่า มีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ 1. ระบบหัวใจและการหายใจ  เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาเดิน เดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำ จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอน หรือนั่งเอนอนตลอด อาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆ กลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์

2.ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน

3. ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า 4. ภาวะอักเสบง่าย เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด

5.ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก

6. ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้ 7. การเกิดปะทุของมะเร็งหรือมะเร็งที่รักษาหายสงบไปแล้วเป็น 10 ปีกลับกำเริบขึ้นมาใหม่และเป็นลักษณะของมะเร็งที่มีลักษณะประจำตัวรุนแรงและแพร่ได้เร็ว

“ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่า การเข้าใกล้มังสวิรัติ ไม่ว่าจะเป็นมังสวิรัติแท้ คือไม่กินเนื้อสัตว์บกเลย แต่กินสัตว์น้ำได้ และกินอาหารเป็นยา คือสมุนไพรไทย ตั้งแต่พริกไทยดำ กระชายขาว ขมิ้นชัน หรือพวกขิง ข่า ตะไคร้ ก็มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าช่วยบรรเทาอาการได้ แต่ก็เป็นการบรรเทาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุคือวัคซีน mRNA ดังนั้นต้องหยุดฉีดวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีนี้ไปก่อน” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว