เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 67 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้รายงานให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ต.ค. 67 ทราบถึงกรณีที่กรมบัญชีกลาง ได้อนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ซึ่งประกาศเขตให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน สามารถใช้เงินทดรองราชการจ่ายเป็นค่าช่วยล้างดินโคลน รวมทั้งซากวัสดุต่างๆ ในที่อยู่อาศัยประชาชนซึ่งประสบอุทกภัยในอัตรา 10,000 บาทต่อหลังแล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือไปถึงมือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอย่างรวดเร็ว นายอนุทิน ได้กำชับจังหวัดซึ่งเกิดอุทกภัยและมีดินโคลนทับถมบ้านเรือนประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในจังหวัดนั้นๆ ให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสิทธิของตนเอง การยื่นคำขอ การลงพื้นที่สำรวจ ประชุมพิจารณาอนุมัติให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว 

“เนื่องจากการใช้จ่ายเงินทดรองราชการซึ่งอยู่ในอำนาจการอนุมัติของผู้ว่าราชการจังหวัด มีขั้นตอนที่ประชาชนต้องไปยื่นขอรับการช่วยเหลือจาก อปท. ต้องมีการลงพื้นที่สำรวจ รวบรวมข้อมูลเสนอต่อคณะกรรมการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติระดับอำเภอและจังหวัด ท่านอนุทินจึงกำชับขอให้เจ้าหน้าที่ในทุกขั้นตอนให้ความสำคัญ ให้ถือว่าเรื่องการช่วยเหลือประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน ช่วยดูแลให้การช่วยเหลือถึงมือประชาชนเร็วที่สุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การจ่ายเงินช่วยเหลือค่าล้างดินโคลนทับถมที่อยู่อาศัยประชาชน อัตรา 10,000 บาทต่อหลัง ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในฤดูฝน ปี 2567 ครัวเรือนละ 9,000 บาท เป็นกรณีที่นายอนุทิน ได้ให้นโยบายกับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย ให้พิจารณาหาช่องทางช่วยผู้ประสบภัยให้ได้มากที่สุด เพราะจากการลงพื้นที่หลายครั้งและต่อเนื่องของคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นความยากลำบากของผู้ประสบภัย บางพื้นที่ เช่น ใน จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ ได้มีดินโคลน รวมทั้งซากวัสดุต่างๆ ไหลเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนจนไม่สามารถอยู่อาศัยปกติได้ จำเป็นต้องทำความสะอาดด้วยกำลังแรงงานและเครื่องมือจำนวนมาก การได้รับสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากภาครัฐบางส่วนผ่านเงินทดรองราชการ ที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดนี้ จะเป็นอีกแรงที่ช่วยแบ่งเบาภาระ บรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยให้กลับมาดำรงชีวิตปกติได้เร็วขึ้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับหลักเกณฑ์เบื้องต้น จะจ่ายเงินช่วยค่าใช้จ่ายในการล้างทำความสะอาดดินโคลน ซากวัสดุต่างๆ บริเวณที่อยู่อาศัยซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติเป็นเจ้าของ หลังละ 10,000 บาท ตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่จะไม่รวมถึงที่อยู่อาศัยที่เสียหายทั้งหลัง หรือที่ส่วนราชการหรือส่วนอื่นๆ ดำเนินการให้ความช่วยเหลือในการทำความสะอาดเรียบร้อย จนผู้ประสบภัยสามารถเข้าไปดำรงชีวิตได้ตามปกติแล้ว ส่วนกรณีที่มีหน่วยงานเข้าช่วยเหลือทำความสะอาดบางส่วน แต่เจ้าของที่อยู่อาศัยยังต้องจ้างแรงงาน ซื้อเครื่องมือเข้าทำความสะอาดเพิ่มเติม ก่อนเข้าพักอาศัยได้ตามปกติ คณะกรรมการซึ่งลงสำรวจพื้นที่จริง จะพิจารณาเป็นรายกรณี