สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ว่าทำเนียบนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเผยแพร่คลิปของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งเป็นการแถลงโดยตรงถึงชาวเลบานอน ว่า “ยังมีโอกาสปกป้องบ้านเมืองเพื่อไม่ให้ตกไปในขุมนรกของสงคราม” หรือการสู้รบที่ยืดเยื้อ ซึ่งจะนำไปสู่การทำลายล้าง และความเจ็บปวด แบบเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้นในฉนวนกาซา


ทั้งนี้ ผู้นำอิสราเอลเรียกร้อง ให้ชาวเลบานอนร่วมกันทำให้ประเทศของตัวเอง “ปราศจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์” เพื่อให้สงครามครั้งนี้ยุติ
ด้านนายนาจิบ มิกาตี นายกรัฐมนตรีเลบานอน เรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศ ร่วมกันกดดันอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการทางทหารในเลบานอน


ขณะที่นายนาอิม กัสเซ็ม รองผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ กล่าวว่า สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์สามารถก้าวข้ามผ่าน “ลมแห่งความเจ็บปวดลูกใหญ่” จากอิสราเอล และยืนยันว่า โครงสร้างอำนาจและปฏิบัติการทั้งหมดของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ “ยังคงแข็งแกร่ง” พร้อมทั้งเตือนอิสราเอลว่า ตราบใดที่ยังไม่หยุดโจมตีเลบานอน การยิงขีปนาวุธจะยังคงดำเนินต่อไป


ในเวลาเดียวกัน กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยิงขีปนาวุธราว 100 ลูก โจมตีเมืองไฮฟา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสามของอิสราเอล แม้ระบบป้องกันสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธไว้ได้เกือบทั้งหมด แต่มีรายงาน อาคารบางแห่งได้รับความเสียหาย

ส่วนกองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่า ขยายขอบเขตของปฏิบัติการทางทหาร “อย่างจำกัด” ไปยังภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเลบานอนเป็นครั้งแรก


อีกด้านหนึ่ง นายอับบาส อารักชี รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า หากอิสราเอลตอบโต้การยิงขีปนาวุธของอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในอิหร่าน ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์หรือน้ำมัน จะทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง และการตอบสนองครั้งต่อไปของอิหร่าน “จะยิ่งหนักหน่วงมากกว่าเดิม”


อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยังไม่มีท่าทีเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก นับตั้งแต่การยิงขีปนาวุธครั้งดังกล่าวของอิหร่าน ซึ่งเป็นครั้งที่สอง ต่อจากเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา โดยเนทันยาฮูยืนกรานว่า อิสราเอล “มีความชอบธรรม” ที่จะตอบโต้ “ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม” ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตือนว่า อิสราเอล “ไม่ควร” โจมตีโครงสร้งพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอิหร่าน.

เครดิตภาพ : AFP