ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับกรณีชาวต่างชาติรัสเซียอาละวาด และได้ทำร้ายร่างกาย“มอส-ราชัย วิจิตรวงศ์ทอง” น้องชายนางเอกดัง “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” จนต้องออกมาขอความช่วยเหลือผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เนื่องจากกังวลว่าคู่กรณีจะหลบหนีออกนอกประเทศเสียก่อน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ทีมผู้สื่อข่าว เดลินิวส์ออนไลน์ ได้เจอกับ สาวมิ้นต์ในงาน SLC x Quantum Health Care The Future of Beauty  จึงได้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคดีดังกล่าว โดยมิ้นต์เผยว่า

“เขามารับฟังข้อกล่าวหาและยอมรับผิด วันนั้นมิ้นต์ไม่ได้ไปด้วย แต่ได้ส่งทนายแก้วไปดูแลคดีให้น้องเพราะเป็นห่วงน้องเป็นคนที่จิตใจบอบบางอยู่แล้ว บวกกับว่าเขาเป็นคนที่อะไรก็ได้ จากที่มิ้นต์เห็นภาพในกล้องวงจรปิดคิดว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างรุนแรงมากทั้งภายนอกและจิตใจ เราเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ตามข่าวอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะมาเกิดกับครอบครัวตัวเอง บวกกับน้องมอสเคยเป็นสจ๊วตการบริการคืออันดับหนึ่ง ก็เลยไม่มีการต่อสู้กลับไป 

(ได้เยียวยาอะไรบ้าง) ในส่วนของค่าเยียวยาได้รับแค่ค่าปฐมพยาบาลไม่มีค่าทำขวัญเลยค่ะ มิ้นต์ไม่ทราบข้อเท็จจริงตรงนี้ เพราะเป็นดุลยพินิจของศาลและไม่เข้าใจว่าเป็นการไกล่เกลี่ยหรือเป็นไปตามข้อกฎหมาย มิ้นต์ไม่ทราบรายละเอียดตรงนี้จริงๆก็เป็นไปตามนั้นเลยค่ะ คู่กรณีไม่ได้รับการติดคุกเพราะเขายอมรับผิด เรื่องที่เขารู้สึกผิดและอยากขอโทษนั่นคือเรื่องหนึ่ง เราเข้าใจและยอมให้อภัย คนที่ทำผิดแล้วรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองกระทำ แต่เรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย มิ้นต์ว่าคนที่ทำผิดก็ควรทำตามข้อกฎหมายเพราะเราอยู่ในประเทศไทย มันต้องมีข้อกฎหมายและความปลอดภัยให้กับพวกเราทุกคน ทางบ้านของมิ้นต์รู้สึกว่าในส่วนของข้อกฎหมาย เราไม่ยอม เขาทำกับเราขนาดนี้ และน้องเราไม่ได้มีการต่อสู้อะไร ถ้ากฎหมายเป็นไปอย่างไร มิ้นต์ก็เคารพในการตัดสินใจของศาลและสิ่งที่ได้รับมา“

”(ถือว่าคดีสิ้นสุดแล้วใช่ไหม) เท่าที่มิ้นต์ได้ทราบจากน้องมอส คู่กรณีเขายอมรับผิด โทษก็จะลดลงซึ่งเราไม่ได้คุยกันโดยตรง แต่คุยกันผ่านศาล เรามีทนายของเรา และเขาก็ต้องมีล่ามภาษามือ เลยไม่ได้มีการขอโทษกันโดยตรงหรือได้รับทราบข้อกล่าวหาของเขา เราได้รับผ่านศาลอีกทีนึงเนื่องจากว่าเขายอมรับผิด โทษที่ได้รับคือการรายงานตัวในการเข้าประเทศไทย และไม่ได้ติดคุกในส่วนของค่าเสียหายได้แค่ค่ารักษาพยาบาลตามจริง 

(ได้มีการเสียค่าปรับไหม)อันนี้มิ้นต์ไม่ทราบเพราะทางศาลแจ้งว่าผู้กระทำความผิดไม่มีงบประมาณในตรงนี้ ตอนนี้มิ้นต์ก็รอฟังอยู่เหมือนกันว่าสรุปแล้วจุดจบของคดีจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ได้รับในวันที่น้องชายไปศาลกับทนายคือประมาณนี้ ทางทนายพูดว่าไม่อยากให้เคสแบบนี้ เกิดกับคนไทยอีกสำหรับมิ้นต์ไม่ได้มองว่าน้องเราโดนกระทำแล้วมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่เราแค่ไม่อยากให้จบแบบงงๆ ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครอีก ถ้าเป็นไปได้ เราก็ไม่อยากยอมความในด้านกฎหมาย“

”วันที่ไปคุยน้องมอสก็ขอว่าไม่อยากให้ถามอะไรทั้งนั้น เพราะสภาพจิตใจเขา ไม่โอเคที่ออกมา ปัจจัยเราไม่ใช่เป็นเรื่องของเงิน แต่น้องเขารู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนจิตใจมากกว่านั้น และสิ่งที่ได้รับมาก็ตามนั้น มิ้นต์มองว่ามันเป็นเรื่องของความปลอดภัย ที่คนไทยทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเคสมิ้นต์แล้วถูกยกมาว่าทุกอย่างต้องดำเนินการเร็วขึ้น อย่างมิ้นต์อยากให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย จริงๆไม่ได้อยากโพสต์ในโซเชียลมี มิ้นต์รอระยะเวลา และตอนนั้นน้องของมิ้นต์ก็ไปในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่ก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นน้องของมิ้นต์ แต่มิ้ตนก็อยากให้เราทุกคนได้รับข้อกฎหมายที่ตรงไปตรงมาค่ะ“

ขอบคุณภาพประกอบจาก:mint_chalida